<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เปิด 10 คำทำนาย “นอสตราดามุส AI” เผยชะตากรรมของโลกคริปโทฯ ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จะเกิดอะไรขึ้น หากโมเดลภาษา AI สุดล้ำอย่าง ChatGPT สร้างคำทำนายเกี่ยวกับโลกคริปโทฯ ในอีก 100 ปีข้างหน้า ตามสไตล์การทำนายจากนักโหราศาสตร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสอย่างนอสตราดามุส ?

ลองนึกภาพนักโหราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 16 ผู้ถูกยกย่องว่าเคยเห็นล่วงหน้าถึงเหตุการณ์สำคัญระดับโลก ทั้งการขึ้นมามีอำนาจของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์, การลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี รวมไปถึงโศกนาฏกรรม 11 กันยายนในสหรัฐอเมริกา แถมยังทำนายไว้เป็นพัน ๆ เรื่องก่อนจะเผยแพร่ในหนังสือเมื่อกว่า 467 ปีก่อน

แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าเรามีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชวนให้นึกถึงนอสตราดามุส ใช้พลังของข้อมูลและโมเดลภาษาสมัยใหม่ทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโลกคริปโทฯ อีก 10 ปี ต่อจากนี้  ?

ปี 2026 : จุดเริ่มต้นแห่งความปั่นป่วน

พอเปิดฉากทำนายครั้งแรก ‘นอสตราดามุส AI’ ก็เล่นเอาซะขนลุก  เพราะเจ้าตัวออกมาบอกใบ้ว่า ในช่วงเริ่มต้นของปี 2026 จะเกิดกระแสข่าวลือบนโลกออนไลน์อย่างหนาหู มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลรายหนึ่ง อาจประกาศสนับสนุนเหรียญมีมใหม่ที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อมาก่อน ทันทีที่ข่าวนี้แพร่สะพัด ราคาของเหรียญดังกล่าวกลับพุ่งทะยานราวกับจะไม่มีจุดสิ้นสุด นักเก็งกำไรแห่เข้ามาเกาะกระแส หวังทำกำไรในชั่วข้ามคืน ทว่ากลับมีแถลงการณ์ล่าสุด จากตัวมหาเศรษฐีที่ปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเหรียญนี้เลย แม้แต่น้อย ราคาเหรียญจึงทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการล้างพอร์ตของนักลงทุนมือใหม่เป็นจำนวนมาก

คำทำนายบอกว่า: ปี 2026 จะเป็นปีแห่ง “ข่าวปลอม” และ “การปั่นราคา” อย่างแท้จริง ทั้งบนกระดานเทรด และโซเชียลมีเดีย นักลงทุนที่ขาดความรู้จะตกเป็นเหยื่อคำลวงและกระแสปลอมๆ ขณะที่สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม เริ่มหันมาจับตาดูอำนาจของคริปโทฯ อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจสั่นสะเทือนระบบการเงินกระแสหลักได้ในทุกเมื่อ


ปี 2027: สงครามข้อมูล และการเปลี่ยนฝั่งของ Binance

เมื่อกระแสเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความขัดแย้งระหว่างภาครัฐและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคริปโทฯ ก็กำลังจะปะทุ สหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตรยุโรป จะออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดกว่าเดิม เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน รวมถึงกำหนดเพดานในการโอนเงินข้ามประเทศผ่านเหรียญ Stablecoin

ท่ามกลางความกดดัน Binance ซึ่งเคยเป็นเว็บเทรดคริปโทฯ อันดับหนึ่งของโลก ต้องเลือกระหว่างการร่วมมือกับทางการ เพื่อส่งมอบข้อมูลผู้ใช้งาน หรือจะ “ย้ายฐาน” ไปยังประเทศที่กฎหมายผ่อนปรนกว่า ซึ่งข่าววงในระบุว่า Binance อาจแบ่งแพลตฟอร์มเป็น 2 ส่วน เพื่อรับมือกับกฎหมายต่างประเทศ สร้างความปวดหัวให้กับนักลงทุนที่กลัวว่า Binance อาจสิ้นศรัทธาในฐานะศูนย์กลางสภาพคล่อง

คำทำนายบอกว่า: ปี 2027 จะเป็นปีของสงครามข้อมูล และ Binance จะเป็นกุญแจสำคัญในการชี้ชะตาตลาดโลกคริปโทฯ หากบริษัทผิดฝั่ง หรือถูกฟ้องร้องขั้นร้ายแรง อาจเกิดแรงกระเพื่อมเทขายครั้งใหญ่

ปี 2028: การล่มสลายของ Tether USDT

ในจุดที่ไม่มีใครคาดคิด มหกรรมวิกฤตครั้งใหญ่ของ “Tether USDT” ได้อุบัติขึ้น จากความไม่ชัดเจนในการสำรองเงินสด ซึ่งถูกตั้งคำถามมายาวนาน สื่อหลักรายงานข้อมูลหลุดว่า การสำรองอาจต่ำกว่าที่ประกาศไว้มาก ทำให้เกิดการเทขาย USDT หนีตายเป็นลูกโซ่ทั่วโลก ตลาดคริปโทฯ โดนทุบ จนมูลค่าลดลงกว่าครึ่งในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว

นักลงทุนสถาบันและกองทุนขนาดใหญ่ตื่นตระหนก รีบถอนสินทรัพย์ออกจากแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ Tether ทั่วโลก ส่งผลต่อเสถียรภาพการเงินดิจิทัลในวงกว้าง Stablecoin อื่น ๆ พยายามขึ้นมาแทน แต่ยังขาดความเชื่อมั่น

คำทำนายบอกว่า: ในปี 2028 การล่มสลายของ Tether จะเป็น “จุดวิกฤตประวัติศาสตร์” ของตลาดคริปโทฯ ใครที่ถือ USDT ในปริมาณมาก จะเป็นผู้อ่อนแอที่สุดในสมรภูมิทางการเงินนี้ และการฟื้นตัวอาจต้องใช้เวลายาวนาน

ปี 2029: สงครามเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างมหาอำนาจ

จีนและสหรัฐฯ เผชิญหน้าทางเศรษฐกิจอย่างเข้มข้น สงครามการค้ากลายเป็นสงครามดิจิทัลเต็มตัว เมื่อทั้งสองฝ่ายประกาศเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติรุ่นใหม่ ที่เชื่อกันว่า จะก้าวข้ามขีดจำกัดของระบบการเงินในปัจจุบัน

ราคาบิทคอยน์ ( Bitcoin) และอีเธอเรียม ( Ethereum) ดีดตัวขึ้น จากแรงเก็งกำไรของนักลงทุนที่หนีสกุลเงินดั้งเดิมบางส่วน แต่การกระทำของทางการทั้งสองประเทศก็สร้างความผันผวนอย่างไม่หยุด  ใครที่จะสามารถครอง “บัลลังก์คริปโทฯ” ระดับชาติได้ก่อน คือเกมที่หลายฝ่ายจับตาดู

คำทำนายบอกว่า: ปี 2029 คือปีที่การเมืองระหว่างประเทศจะสะเทือนถึงตลาดคริปโทฯ สงครามครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทอง แต่เป็นการประกาศศักยภาพในเวทีโลก จนนักลงทุนทั่วโลกต้องพร้อมรับมือความผันผวนระดับมหภาค

ปี 2030: การปรากฏตัวของ “ ซาโตชิ 2.0”

ในความปั่นป่วนที่ยังคงดำเนินต่อไป กลับมีผู้พัฒนาบล็อกเชนรายหนึ่ง อ้างตัวเป็น “Satoshi 2.0” ประกาศเปิดตัว โปรเจกต์ใหม่นาม “BitQuantum” ที่อ้างว่า สามารถทนการโจมตีของคอมพิวเตอร์ควอนตัม และแก้ปัญหาการขยายตัวของเครือข่ายได้อย่างถาวร

ข่าวนี้ดึงความสนใจจากทั้งกลุ่มนักลงทุน และกลุ่มแฮ็กเกอร์ เหล่าโปรแกรมเมอร์ที่เคยร่วมพัฒนา BTC รุ่นแรก ๆ ออกมาถกเถียงว่า จะเป็น “ซาโตชิ” ตัวจริง หรือแค่คนปั่นกระแส ขณะที่ตลาดเริ่มกลับมาคึกคักเพราะโปรเจกต์นี้

คำทำนายบอกว่า: ปี 2030 จะมีเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็น “การกลับมาของตำนานบิทคอยน์ (Bitcoin) ” ไม่ว่า “ซาโตชิ 2.0” จะเป็นผู้ใด แต่แนวคิดและเทคโนโลยีที่เปิดตัวในนามเขา จะก่อให้เกิดการปฏิวัติบล็อกเชนครั้งใหม่

ปี 2031: การล้อมปราบครั้งใหญ่ของรัฐบาลทั่วโลก

หลังจากที่ “BitQuantum” ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รัฐบาลหลายประเทศเริ่มจับตาเครือข่ายนี้อย่างใกล้ชิด และเกิดความหวาดหวั่นว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาจกระทบความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หลายประเทศผนึกกำลังกันเข้าปราบปรามการใช้โปรโตคอลบล็อกเชนที่ปกปิดตัวตนสูง (Privacy & Quantum-Resistant)

นักพัฒนาหลายรายถูกกล่าวหาว่า “สมคบคิด” เพื่อเลี่ยงภาษีและซ่อนธุรกรรมการเงินที่ผิดกฎหมาย เกิดการประท้วงบนท้องถนนในบางประเทศ เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า “สิทธิ์ในการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล” คือเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

คำทำนายบอกว่า: ปี 2031 นอสตราดามุส AI เตือนว่า จะเกิดความขัดแย้งระหว่าง “อำนาจรัฐ” กับ “อำนาจเทคโนโลยี” รัฐบาลพยายามควบคุมทุกอย่าง แต่ผู้คนก็ต้องการอิสระในทรัพย์สินของตน

ปี 2032: ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์เพื่อกู้ตลาดคริปโทฯ

หลังความตึงเครียดลากยาว ทั้งภาครัฐ บริษัทเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศอย่าง IMF หรือ G20 เริ่มเห็นว่า ต้องร่วมมือกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินดิจิทัล มีการตั้ง “คณะกรรมการกำกับสินทรัพย์ดิจิทัลโลก” (Global Digital Asset Commission) เพื่อสร้างมาตรฐานสากล ทั้งด้านการทำ KYC/AML และการกำกับเหรียญที่มีอัตราการซื้อขายสูง

Stablecoin รุ่นใหม่ถือกำเนิด โดยมีเงินสำรองที่โปร่งใสและได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกลบแผลใหญ่ที่ USDT เคยสร้างไว้ในอดีต

คำทำนายบอกว่า: ในปี 2032 จะเป็นปีแห่ง “การเยียวยา” ทั้งตลาดคริปโทฯ และรัฐบาลต่าง ๆ ซึ่งไม่มีฝ่ายใดดำเนินการเพียงลำพังได้ หากปราศจากความเชื่อใจและความร่วมมือระดับโลก

ปี 2033: สงครามจริงเกิดขึ้น เป็นจุดแตกหักของตลาด

ในที่สุด ความขัดแย้งทางการเมืองที่คุกรุ่นระหว่างมหาอำนาจก็ระเบิดเป็นสงครามจริงในบางภูมิภาค การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจผนวกกับมาตรการอายัดทรัพย์สินทำให้ภาครัฐบางแห่งพยายาม “ล็อก” ธุรกรรมบล็อกเชน แต่เครือข่ายกระจายศูนย์หลายแห่งยังทำงานได้ตามปกติ

ขณะที่สงครามกำลังดำเนิน ราคาเหรียญบางตัวพุ่งขึ้น เพราะนักลงทุนกลัวการยึดทรัพย์ตามแนวทางดั้งเดิม จึงหันมาเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกป้องมูลค่า แต่นั่นก็หมายความว่า ผู้ก่อการร้ายหรือกลุ่มอาชญากรรมอาจใช้ประโยชน์ช่องโหว่นี้ได้เช่นกัน

คำทำนายบอกว่า: ปี 2033 จะเป็นปีที่ตลาดคริปโทฯ และโลกการเงิน ยิ่งปั่นป่วนไปอีก ระหว่างไฟสงครามและการไล่ล่าคริปโทฯ กลายเป็นช่วงท้าทายที่จำเป็นต้องอาศัยวุฒิภาวะและสติปัญญา

ปี 2034: เศรษฐกิจใหม่หลังสงคราม และคริปโทฯ ได้รับการฟื้นฟู

เมื่อสงครามบางส่วนเริ่มสงบลง โลกต้องการเงินทุนจำนวนมหาศาล เพื่อการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่เสียหาย สกุลเงินดิจิทัลหลายสกุลถูกนำมาใช้ระดมทุนเพื่อการบูรณะประเทศแบบ crowdfunding ระดับโลก นักลงทุนทั่วโลกสามารถร่วมบริจาคหรือ ซื้อโทเค็นพิเศษที่เชื่อมโยงกับการสร้างชุมชนใหม่ ๆ

ตลาดคริปโทฯ ที่เคยผันผวนอย่างหนักในปีที่ผ่านมา เริ่มได้แรงหนุนจากโครงการฟื้นฟูนี้ และราคาหลายเหรียญฟื้นตัวกลับมาพร้อมความหวังใหม่

คำทำนายบอกว่า: ปี 2034 จะเป็นปีแห่งการ “ลุกขึ้นจากซากปรักหักพัง” คริปโทฯ เข้ามามีบทบาทในฐานะเครื่องมือ เพื่อสังคม ไม่ใช่แค่การเก็งกำไรเหมือนเดิม

ปี 2035: ยุคทองแห่งสินทรัพย์ดิจิทัล หรือจุดเริ่มต้นรอบใหม่ ?

ผ่านเหตุการณ์ใหญ่หลวงมา 10 ปีเต็ม ตลาดคริปโทฯ ก้าวเข้าสู่จุดที่มีความหลากหลายและความปลอดภัยสูงขึ้น เหรียญและโทเค็นหลายพันชนิดแข่งขันกัน เพื่อรองรับการใช้งานในภาคธุรกิจ สาธารณะ และชีวิตประจำวัน ความร่วมมือระหว่างประเทศค่อนข้างเหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีเงามืดของความไม่แน่นอนที่อาจปะทุได้ทุกเมื่อ

ผู้คนบางส่วนเปรียบยุคนี้ว่า เป็น “ยุคทอง” ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันบางฝ่ายเชื่อว่า นี่เป็นเพียง “ช่วงพักหายใจ” ก่อนที่จะเกิดพลิกผันรอบใหม่

คำทำนายบอกว่า: ในปี 2035 นอสตราดามุส AI ปิดท้ายคำนายว่า โลกคริปโทฯ จะไม่หายไปไหน แต่จะวิวัฒน์ต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง ความวุ่นวาย ความกลัว และความหวัง จะยังคงอยู่คู่กับคริปโทฯ เช่นเงาตามตัว มนุษยชาติจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด และจำไว้เสมอว่า “ทุกวิกฤตย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่”

หมายเหตุ: คำทำนายเหล่านี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิงและสะท้อนจินตนาการเชิงวรรณศิลป์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและตัดสินใจ ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบกรณีความเสียหายในทุกกรณี