ผู้บริหารมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชน (Human Rights Foundation หรือ HRF) ได้กล่าวต่อหน้ากลุ่มนักการเมืองสหรัฐฯ ว่า Bitcoin ยังคงพิสูจน์ตัวเองว่าเป็น “เครื่องมือทรงพลัง” ในการต่อต้านการควบคุมของรัฐบาลเผด็จการ โดยเป็นทางเลือกที่ต่างจากระบบเงินแบบดั้งเดิมซึ่งสามารถถูกบิดเบือนและควบคุมได้ง่าย
“เมื่อมี Bitcoin ความสามารถของผู้นำเหล่านี้ในการควบคุมผู้คนจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง”
Alex Gladstein ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ HRF กล่าวในงาน Bitcoin Policy Summit ที่กรุง Washington D.C. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเขากล่าวเสริมอีกว่า
“Bitcoin เป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับผู้นำเผด็จการ” รัฐบาลไม่สามารถ “สร้างเงินเฟ้อเกินควบคุม” กับผู้ถือ Bitcoin ได้
Gladstein กล่าวต่อหน้าผู้นำอเมริกันว่ารัฐบาลจะติดตามตัวบุคคลได้ยากขึ้นมากหากผู้ใช้ใช้งาน Bitcoin อย่างถูกวิธี เช่น การไม่ผูกบัญชีกับข้อมูลระบุตัวตน (ID)
“ถ้าคุณถือ Bitcoin เองโดยไม่ผ่านตัวกลาง รัฐบาลไม่สามารถลบหรืออายัดทรัพย์ของคุณได้และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่สามารถสร้างเงินเฟ้อมาทำลายความมั่งคั่งของคุณได้”
เขาอธิบายว่า Bitcoin เป็นเหมือนเกราะป้องกันภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในช่วงเงินเฟ้อขั้นรุนแรง (Hyperinflation) Gladstein กล่าวอย่างชัดเจนว่า:
“มีผู้คนจำนวนมากจากหลายประเทศที่รอดพ้นจากความยากลำบาก เพราะเทคโนโลยีนี้”
HRF เริ่มมองเห็นศักยภาพของ Bitcoin ตั้งแต่ปี 2013
เขาเผยว่ามูลนิธิฯเริ่มใช้ Bitcoin ครั้งแรกในปี 2013 ระหว่างการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในยูเครนต่อต้านอดีตประธานาธิบดี Viktor Yanukovych ในเวลานั้น ผู้ประท้วงหลายคนถูกอายัดบัญชีธนาคาร ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยในจัตุรัสไมดาน (Maidan Square)
“ในตอนนั้น Bitcoin ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นราคายังแค่ประมาณ $100 เท่านั้น เราก็ยังลังเลอยู่ว่ามันจะเวิร์กไหม แต่เราก็เปิดใจลองใช้งานและมันได้ผล” เขายังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า
“มันช่วยส่งมูลค่าไปถึงมือคนที่ต้องการได้ ในขณะที่เงินแบบเดิมเข้าไปไม่ถึง”
ทั้งนี้ Gladstein ทำงานกับมูลนิธิสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ปี 2007 โดยองค์กรนี้มุ่งเน้นปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ
ที่มา : Cointelegraph