สำหรับสายเทคนิคัลทั้งมือใหม่และคนที่มีประสบการณ์ เครื่องมือวิเคราะห์กราฟถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น TradingView เพราะใช้งานง่าย ครบเครื่อง และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเบราว์เซอร์ แอปบนมือถือ หรือเดสก์ท็อป ที่สำคัญคือมีเวอร์ชันฟรีให้ใช้งานด้วย
TradingView อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งการดูกราฟ วางแผนเทรด ไปจนถึงตั้งแจ้งเตือนราคาแบบเรียลไทม์ ใครอยากได้ฟีเจอร์เพิ่มก็สามารถสมัครใช้งานแบบพรีเมียมได้ เช่น การดูหลายกราฟในหน้าจอเดียว หรือเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง
บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ TradingView ให้มากขึ้น ตั้งแต่ฟีเจอร์เด่น ๆ ไปจนถึงวิธีเริ่มต้นใช้งานแบบเข้าใจง่าย ใครอยากวิเคราะห์กราฟให้แม่นขึ้นห้ามพลาด
TradingView คืออะไร?
TradingView คือแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณสามารถตีเส้น วิเคราะห์กราฟสินทรัพย์ทางการเงินได้อย่างหลากหลายและครบครันมากที่สุดในยุคนี้ ครอบคลุมไปถึง คริปโทเคอร์เรนซี หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และฟอเร็กซ์
แพลตฟอร์มนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนแล้วมากกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก ณ ปี 2024 โดยแพลตฟอร์มจะทำงานบนพื้นฐานของระบบคลาวด์ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ เพื่อเริ่มต้นใช้งาน อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีแอปพลิเคชันสำหรับเดสก์ท็อปและมือถือโดยเฉพาะสำหรับ Windows, macOS, iOS และ Android เพื่อความสะดวกสูงสุดของคุณ
อินเทอร์เฟซของ TradingView มาพร้อมกับคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกราฟ การตีเส้นต่างๆ การเขียนสคริปต์ปรับแต่ง Indicator (ด้วยฟีเจอร์ Pine Script) ฟังก์ชัน Back Test
โซเชียลแห่งนักเทรดของ TradingView
ในหน้า Trading Ideas ของเว็บไซต์ คุณสามารถเข้าไปดูแนวทางในการวิเคราะห์ต่างๆ โดยคุณจะเห็นกราฟ วิดีโอ และบทวิเคราะห์จากผู้ใช้งานคนอื่นๆ แถมสมาชิกในชุมชนยังสามารถเข้าร่วมการพูดคุยและห้องแชทได้อีกด้วย
แต่โปรดจำไว้เสมอว่า ผู้ใช้ทุกคนสามารถสร้างและแบ่งปันแนวคิดได้ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการศึกษา เพราะนักเทรดแต่ละคนมีสไตล์และกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน คุณไม่ควรถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นคำแนะนำทางการเงินที่ต้องทำตามโดยไม่มีการวิเคราะห์ส่วนตัว

ทำความรู้จักกับอินเทอร์เฟซของ TradingView
เมื่อมองแวบแรก อินเทอร์เฟซของ TradingView อาจจะดูซับซ้อนไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยมีพื้นที่หลักๆ ไม่กี่ส่วน ลองมาทำความคุ้นเคยกันเลยดีกว่า
แถบเครื่องมือด้านซ้ายของจอ (1)
แถบเครื่องมือส่วนนี้ จะประกอบไปด้วยเครื่องมือวิเคราะห์กราฟทั้งหมด ตั้งแต่การตีเส้นตรงธรรมดาๆ ไปจนถึงการจำลองการเปิดโพสิชั่น Long/Short คุณสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่มีอยู่มากมาย ได้ทุกอัน ตามไสตล์การวิเคราะห์เทคนิคัลของคุณ เท่านั้นยังไม่พอคุณยังสามารถคลิกที่ลูกศรด้านขวาของเครื่องมือแต่ละชิ้นเพื่อดูตัวเลือกอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย

แถบเครื่องมือด้านบนของจอ (2)
ตรงส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบของกราฟได้ อาทิ แท่งเทียน, เส้น, ไทม์เฟรม, ค้นหาตัวย่อของสินทรัพย์, และเข้าถึง Indicator และกลยุทธ์ทางเทคนิคคัลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

แถบเครื่องมือด้านล่างของจอ (3)
TradingView ไม่มีบริการซื้อขายหลักทรัพย์โดยตรง แต่คุณสามารถจำลองการซื้อขายภายในแพลตฟอร์มได้โดยใช้แท็บ [Trading Panel] นอกจากนี้ คุณยังสามารถ Back Test กลยุทธ์การซื้อขายของคุณได้โดยใช้ฟังก์ชัน [Strategy Tester]

แถบเครื่องมือด้านขวาของจอ (4)
ฝั่งขวาจะประกอบไปด้วย รายการสินทรัพย์ที่คุณติดตาม (Watchlist), การแจ้งเตือน (Alerts), ข้อมูลของสินทรัพย์ (Data Window) , ตัวคัดกรองสินทรัพย์ (Screeners), ปฏิทิน (Calendars), ศูนย์รวมชุมชน (Community Hub), การแจ้งเตือน (Notifications) และ ศูนย์ช่วยเหลือ (Help Center)
โดยส่วนของ Watchlist เป็นหนึ่งในส่วนที่ใช้บ่อยที่สุด ซึ่งช่วยให้คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ที่มีอยู่มากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พื้นที่หน้าจอแสดงกราฟ (ส่วนใหญ่)
เมื่อคุณเลือกสินทรัพย์ และ Indicator ที่ต้องการได้แล้ว กราฟของสินทรัพย์เหล่านี้จะแสดงในพื้นที่ส่วนใหญ่ตรงกลางหน้าจอ โดยคุณสามารถปรับแต่งเกือบทุกอย่างที่คุณเห็นได้ ซึ่งเราจะพูดถึงวิธิการปรับแต่งในส่วนถัดไป

การปรับแต่งกราฟ TradingView ของคุณ
ทุกคนมีความถนัดและไสตล์การวิเคราะห์ที่ไม่เหมือนกัน เมื่อพูดถึงเลย์เอาท์ของกราฟ TradingVeiw สามารถปรับแต่งสี เส้น และแท่งเทียน ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณอ่านและเข้าใจกราฟได้ง่ายขึ้น คุณสามารถค้นหาตัวเลือกทั้งหมดที่คุณต้องการได้โดยคลิกขวาที่พื้นที่กราฟแล้วคลิก [Settings…]
สอนใช้งานการตั้งค่า [Settings…]
คุณสามารถรีเซ็ตกราฟของคุณได้ หากเส้นที่คุณตีไว้มันเริ่มรกเกินไป หรือตั้งค่าการแจ้งเตือนราคาสินทรัพย์ผ่านทางอีเมลได้จากเมนู

การปรับไทม์เฟรม (Time Frame) ของกราฟ
คุณสามารถปรับช่วงเวลากราฟได้ตั้งแต่หลัก 1 วินาทีไปจนถึงหลายเดือน โดยใช้เมนูดรอปดาวน์ที่ด้านซ้ายบน

จากนั้นคลิกที่รูปดาว เพื่อเพิ่มช่วงเวลากราฟลงในรายการโปรดของคุณ

สิ่งนี้จะทำให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

เมื่อคุณเริ่มปรับแต่งกราฟของคุณ TradingView จะบันทึกการแก้ไขทั้งหมดของคุณแบบเรียลไทม์ คุณจึงสามารถออกจากระบบแล้ว กลับมาดูใหม่ในภายหลังได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งใหม่อีกครั้ง
ในส่วนของการแจ้งเตือนราคาที่คุณตั้งค่าไว้ และการแจ้งเตือน Indicator ต่างๆ จะมีการแจ้งเตือน แม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดใช้งาน TradingView อยู่ก็ตาม
ราคา TradingView มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
TradingView มีรูปแบบราคาที่ยืดหยุ่น โดยจะเริ่มต้นที่แผนบริการฟรีที่ใช้งานได้เต็มรูปแบบ บัญชีฟรีดังกล่าวจะมาให้คุณเปิดใช้งานได้ทีละ 1 กราฟ และ 3 Indicator ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น คุณอาจต้องทนกับโฆษณาเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้รบกวนการใช้งานมากนัก
ปัจจุบัน TradingView มีแผนบริการแบบเสียเงินทั้งหมด 5 แผน ได้แก่ Essential, Plus, Premium, Expert และ Ultimate แต่ละแผนจะปลดล็อกชุดสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น จำนวนกราฟต่อหน้าจอที่มากขึ้น, Indicator ที่มากขึ้น, การแจ้งเตือนที่ได้รับการปรับปรุง, การสนับสนุนลูกค้าแบบพิเศษ, ประสบการณ์การใช้งานแบบไม่มีโฆษณา และสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
ราคาของแผนบริการจะเริ่มต้นที่ประมาณ 500 – 600 บาทต่อเดือน และคุณจะได้รับส่วนลดลงไปอีกหากเลือกชำระเงินรายปีแทนรายเดือน

สรุป: TradingView แพลตฟอร์มสำหรับนักวิเคราะห์สายเทคนิคัล
TradingView คือแพลตฟอร์มที่โดดเด่นและเข้าถึงได้ง่ายมากที่สุด ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติครบครันสำหรับทุกคนที่สนใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคัล แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือยอดนิยมในหมู่นักวิเคราะห์และนักเทรดมืออาชีพ แต่ TradingView ก็ยังถือได้ว่าเหมาะสำหรับมือใหม่ เนื่องจากมีเวอร์ชั่นฟรีให้ได้ใช้งาน นอกจากนี้ TradingView ยังเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมสำหรับการทดสอบกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ หรือที่เรียกว่า Back Test อีกด้วย
ข้อดีของ TradingView
1.เครื่องมือครบครันและหลากหลาย: TradingView มีเครื่องมือวิเคราะห์ การตีเส้น และ Indicator จำนวนมาก ทั้งที่มีมาให้ในแพลตฟอร์มและที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยคอมมูฯ ทำให้สามารถวิเคราะห์สินทรัพย์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคริปโทเคอร์เรนซี หุ้น ฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์
2.ข้อมูล Real-Time และครอบคลุม: แพลตฟอร์มแสดงข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์ และครอบคลุมสินทรัพย์จากตลาดทั่วโลก ทำให้คุณไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของราคา
3.ฟังก์ชัน Backtest และ Pine Script: มีฟังก์ชันสำหรับการทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง (Backtest) และเขียน Pine Script สำหรับการสร้าง Indicator และกลยุทธ์การลงทุนที่ปรับแต่งได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเทรดสายเทคนิคัล
4.มีแผนบริการสำหรับใช้งานฟรี: มีแผนบริการฟรีที่สามารถใช้งานเครื่องมือพื้นฐานได้ ทำให้ผู้เริ่มต้นสามารถทดลองใช้แพลตฟอร์มก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน
ข้อเสียของ TradingView
1.มีโฆษณาในแผนฟรี: หากใช้งานแผนฟรี คุณจะต้องพบกับโฆษณาที่อาจรบกวนการใช้งานบ้าง
2.ข้อจำกัดในแผนฟรี: แผนบริการฟรีมีข้อจำกัดในการใช้งาน เช่น จำนวนกราฟต่อหน้าจอ หรือจำนวน Indicator ที่สามารถใช้งานได้ ทำให้ผู้ที่ต้องการฟังก์ชันที่ซับซ้อนระดับมืออาชีพต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแผนเสียเงิน
3.ค่าใช้จ่ายสำหรับแผนพรีเมียม: แผนบริการแบบเสียเงินอาจมีราคาสูง โดยเฉพาะแผนระดับ Expert และ Ultimate ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานอย่างจริงจังหรือมีงบประมาณจำกัด
ที่มา:binance

