การพิจารณาคดีอาญาของ Roman Storm ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาของ Tornado Cash ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่กระบวนการคัดเลือกคณะลูกขุนเสร็จสิ้นลง โดยคดีนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมคริปโตและบล็อกเชนในอนาคต
ตามรายงานจาก Inner City Press ซึ่งอยู่ในศาลแขวงตอนใต้ของนิวยอร์ก อัยการสหรัฐฯ ได้ใช้คำแถลงเปิดคดีโดยมุ่งเน้นไปที่การพยายามเชื่อมโยง Storm เข้ากับกลุ่มแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ อัยการกล่าวหาว่ากลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus Group ได้ใช้แพลตฟอร์ม Tornado Cash เพื่อฟอกเงินคริปโตที่ได้มาจากการแฮ็ก Ronin Bridge ในปี 2022 ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ “จำเลยได้ทำกำไรจากเครื่องซักผ้าขนาดยักษ์สำหรับเงินสกปรก” ผู้ช่วยอัยการสหรัฐฯ Kevin Mosley กล่าว “เมื่อ Storm ได้รู้ว่าเขากำลังฟอกเงินให้กับอาชญากร เขาก็ยังคงเลือกที่จะก่ออาชญากรรมต่อไป”
คดีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากบุคคลสำคัญในวงการคริปโต ซึ่งต่างกังวลว่าคำตัดสินอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความรับผิดชอบของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในอนาคต ขณะที่ Storm เข้ารับการพิจารณาคดีในศาล เพื่อนร่วมงานของเขาอีกคนคือ Roman Semenov ซึ่งถูกตั้งข้อหาเช่นกัน ยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่
ด้านทีมทนายความของ Storm ได้โต้แย้งในคำแถลงเปิดคดีว่า Tornado Cash เป็นเพียง “โปรโตคอลเพื่อความเป็นส่วนตัวที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสรี” และตัวนักพัฒนาไม่ควรต้องรับผิดทางอาญาจากการที่ผู้อื่นนำเครื่องมือของเขาไปใช้ในทางที่ผิด “Roman ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการแฮ็กเหล่านั้น” นาง Keri Axel ทนายความของ Storm กล่าว “คดีของรัฐบาลตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า Roman ควรจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพูลเหล่านี้ แต่ความจริงคือเขาไม่สามารถทำได้” เธอกล่าวเสริมว่า “โลกนี้เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ใช้สอยที่ถูกกฎหมายแต่กลับถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่นเดียวกับแอป Signal หรือแม้แต่ค้อนที่สามารถใช้ตอกตะปูหรือใช้ทุบเพื่อเข้าไปขโมยของก็ได้ รัฐบาลไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงข้อตกลงทางอาญาเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาญาได้”
ณ เวลาที่รายงานข่าว การพิจารณาคดียังคงดำเนินต่อไปโดยฝ่ายรัฐบาลได้เริ่มเรียกพยานปากแรกขึ้นให้การแล้ว ซึ่ง Storm คาดว่ากระบวนการทั้งหมดอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน
ที่มา: cointelegraph

