ในคำสั่งศาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้พิพากษา Failla ได้ปฏิเสธคำร้องของฝ่ายจำเลยที่พยายามจะคัดค้านการเบิกพยานของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งจะอนุญาตให้นาย Philip Werlau ผู้ตรวจสอบจากบริษัท AnChain.AI ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนการฉ้อโกงและการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน สามารถขึ้นให้การได้ว่านาย Storm มีหนทางที่จะหยุดยั้งไม่ให้ Tornado Cash ถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินที่ได้มาจากการก่ออาชญากรรมผ่านฟีเจอร์ของ Smart Contract แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ “คำให้การลักษณะนี้สามารถทำได้” ผู้พิพากษา Failla กล่าว “ฝ่ายจำเลยอาจโต้แย้งว่าจะไม่มีหลักฐานว่า ‘user registry smart contract’ เคยถูกใช้งานจริงในอุตสาหกรรมบล็อกเชน แต่นาย Werlau ก็ยังคงสามารถให้การเกี่ยวกับการนำฟีเจอร์ดังกล่าวมาปรับใช้ได้ ตราบใดที่มันมีความเป็นไปได้ในทางเทคนิค และนักพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างนาย Storm ก็น่าจะทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้”

คำสั่งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของฝ่ายอัยการ หลังจากที่ได้เริ่มนำเสนอพยานหลักฐานมาตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่หกของการพิจารณาคดี โดยที่ผ่านมา อัยการได้นำพยานขึ้นให้การหลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้บริการนี้ในการฟอกเงิน ไปจนถึงนักบัญชีนิติเวชและเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ผู้สืบสวนคดีนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นาย Joel DeCapua เจ้าหน้าที่พิเศษระดับหัวหน้าจากหน่วยอาชญากรรมไซเบอร์ของ FBI ได้ให้การว่าทีมของเขาได้ตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยถึง 16 กรณี ซึ่งแต่ละกรณีมีเงินหมุนเวียนผ่าน Tornado Cash มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานการณ์ของนาย Storm ดูน่าเป็นกังวลยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาถึงชะตากรรมของนาย Alexey Pertsev ผู้ร่วมก่อตั้ง Tornado Cash อีกราย ซึ่งถูกศาลในเนเธอร์แลนด์ตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฟอกเงินและถูกตัดสินจำคุกไปแล้วกว่า 5 ปีในปี 2024 มีรายงานจากห้องพิจารณาคดีว่าผู้พิพากษา Failla กำลังพิจารณาถึงบทลงโทษในคดีที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทาง ซึ่งรวมถึงคดีของอดีตซีอีโอ FTX Sam Bankman-Fried และผู้ร่วมก่อตั้ง OneCoin Karl Greenwood ซึ่งทั้งหมดถูกตัดสินจำคุก โดยฝ่ายอัยการคาดว่าจะนำเสนอพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วเสร็จภายในวันศุกร์นี้ ก่อนที่ทีมทนายของ Storm จะเริ่มกระบวนการสืบพยานของฝ่ายตนเองต่อไป
ที่มา: cointelegraph

