Tom Lee ผู้ร่วมก่อตั้ง Fundstrat และประธานบริษัท Bitmine มองว่า Ethereum กำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ หลังจากที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของบล็อกเชนตัวนี้อย่างจริงจัง คล้ายกับที่ Silicon Valley เคยเปิดรับเทคโนโลยี AI โดยเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าวต่างประเทศว่า Stablecoin ได้สร้างปรากฏการณ์ “ChatGPT Moment” ให้กับการยอมรับคริปโต ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความต้องการของ Wall Street ที่มีต่อ Ethereum โดยตรง
Lee อธิบายว่า Stablecoin ได้แสดงให้เห็นถึงกรณีการใช้งานที่เรียบง่ายและแพร่หลาย ในฐานะทางเลือกสำหรับการชำระเงินที่ตอบโจทย์ทั้งธนาคารและผู้บริโภค ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ของอุปทาน Stablecoin เกือบ 250,000 ล้านดอลลาร์ และบทบาทสำคัญในการแปลงสินทรัพย์เป็น Ethereum ทำให้บล็อกเชนนี้ อาจกลายเป็นตัวเลือกหลักที่หลายสถาบันเลือกใช้ในการสร้างหรือดำเนินงาน
ที่สำคัญคือ Lee ได้เน้นย้ำว่า “Wall Street ต้องการหาบล็อกเชนที่ดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ และพวกเขาต้องการบล็อกเชนขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์ในโลกจริงจำนวนมากอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ Ethereum กำลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
แม้ว่าเรื่องราวของ Bitcoin ในฐานะทองคำดิจิทัลจะยังคงอยู่ แต่ Lee ให้เหตุผลว่า ETH อาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่สถาบันต่างๆ ใช้ในการแปลงสินทรัพย์ทางการเงินเป็นโทเค็นบนโลกคริปโต
Tom Lee ได้ให้เป้าหมายราคาระยะสั้นของ ETH ไว้ที่ 4,000 ดอลลาร์ ขณะที่ประเมิณ “มูลค่าเหมาะสม” ของเหรียญนี้อาจพุ่งสูงถึงประมาณ 10,000-15,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025
แนวโน้มเชิงบวกนี้ ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากการเดิมพันครั้งใหญ่ของ Bitmine Immersion Technologies (BMNR) ซึ่งเดิมทีเป็นบริษัทขุด Bitcoin แต่ได้ปรับกลยุทธ์มาใช้ Ethereum เป็นคลังสำรอง โดยมี Tom Lee เข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัท เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Bitmine เปิดเผยว่า พวกเขาได้สะสม ETH แบบรวมออปชั่นไปแล้วกว่า 300,000 ETH ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึงกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ตามราคาปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในศักยภาพของ Ethereum
ที่มา:coindesk

