<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Citadel ออกโรงเตือน ก.ล.ต. สหรัฐฯ Tokenization ต้องสร้าง ‘นวัตกรรมจริง’ ไม่ใช่แค่ ‘ช่องโหว่ทางกฎหมาย’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Citadel Securities วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อแผนการของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ที่จะผ่อนปรนกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยี Tokenization โดยเตือนว่าแนวทางดังกล่าวจะไม่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนเลย หากไม่ได้นำไปสู่นวัตกรรมและประสิทธิภาพที่แท้จริง แต่กลับกลายเป็นเพียงช่องทางในการหาประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมาย

“หลักทรัพย์ในรูปแบบโทเคน (Tokenized securities) จะต้องประสบความสำเร็จด้วยการส่งมอบนวัตกรรมและประสิทธิภาพที่แท้จริงให้กับผู้เข้าร่วมตลาด ไม่ใช่ผ่านการหาประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง” Citadel ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งถึงคณะทำงานด้านคริปโตของ SEC

เทคโนโลยี Tokenization ซึ่งคือกระบวนการแปลงสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลบนบล็อกเชน มักจะถูกยกย่องว่ามีศักยภาพในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการลดบทบาทของตัวกลาง, ลดระยะเวลาการชำระดุล และเปิดให้สามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบเศษส่วนได้ ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่อย่าง BlackRock และ Franklin Templeton ก็ได้กระโดดเข้ามาในสมรภูมินี้แล้ว เช่นเดียวกับ Paul Atkins ประธาน SEC คนปัจจุบัน ที่ได้ออกมาสนับสนุนเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่และเปรียบเทียบผลกระทบของมันว่าอาจยิ่งใหญ่เหมือนวิวัฒนาการของไฟล์เสียงเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น Citadel ได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเตือนว่าการทำ Tokenization อาจ “ดูดสภาพคล่อง” ออกไปจากตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม และสร้าง “แหล่งสภาพคล่องใหม่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้” โดยนักลงทุนสถาบันที่สำคัญอย่างกองทุนบำนาญ, ธนาคาร และกองทุนบริจาค

สินทรัพย์ในโลกจริงที่ถูกแปลงเป็นโทเคน ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มา: RWA.xyz

ความกังวลของ Citadel ไม่ใช่เรื่องที่เลื่อนลอย โดยล่าสุดมีรายงานว่า JPMorgan กำลังสำรวจการให้บริการสินเชื่อที่ใช้ Bitcoin ค้ำประกัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีครั้งสำคัญ แต่ Adam Reeds ซีอีโอของ Ledn ได้ออกมาเตือนว่า ธนาคารแบบดั้งเดิมที่เข้ามาในตลาดนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายที่สูงชันอย่างยิ่งในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่ โดยอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคือ “การดูแลรักษาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย, ความผันผวนของหลักประกัน และกรอบการทำงานในการบังคับขายสินทรัพย์” “การให้กู้โดยใช้ Bitcoin ค้ำประกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของการถือสินทรัพย์ แต่มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว” เขากล่าว ประเด็นเหล่านี้ ประกอบกับความท้าทายในการที่สถาบันจะดูแลรักษาสินทรัพย์ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย คือสิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ จะไม่นำไปสู่ความเสี่ยงเชิงระบบที่คาดไม่ถึงในอนาคต

ที่มา: cointelegraph