บราซิลกำลังจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจรายล่าสุดที่อาจเดินตามรอยสหรัฐอเมริกา ด้วยการเตรียมจัดตั้ง “คลังสำรอง Bitcoin แห่งชาติ” หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรของประเทศได้กำหนดวันพิจารณาเรื่องนี้อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 สิงหาคมที่จะถึงนี้
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสภาฯ ระบุว่า จะมีการเชิญสถาบันอย่างน้อย 6 แห่งเข้าร่วมในการพิจารณาครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางแห่งบราซิล, กระทรวงการคลัง, สมาคมผู้สนับสนุนคริปโต และตัวแทนจากบริษัทฟินเทคและภาคธนาคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งถูกเสนอมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 มีเป้าหมายที่จะอนุญาตให้มีการนำเงินทุนสำรองของประเทศสูงสุดถึง 5% มาใช้ในการเข้าซื้อ Bitcoin ซึ่งอาจหมายถึงเม็ดเงินลงทุนมหาศาลถึงประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อพิจารณาจากเงินทุนสำรองทั้งหมดของธนาคารกลางที่ประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์
วัตถุประสงค์ของคลังสำรองคริปโตนี้ คือเพื่อ “ปกป้องเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์” และ “ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในภาครัฐและเอกชน”
อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ผสมผสานกันไป “การถกเถียงเรื่องการสร้างคลังสำรอง Bitcoin ของรัฐถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรืองของบราซิล” นาย Pedro Giocondo Guerra หัวหน้าคณะทำงานของรองประธานาธิบดีกล่าวเมื่อเดือนมีนาคม “เพราะ Bitcoin คือทองคำดิจิทัล คือทองคำแห่งอินเทอร์เน็ต” แต่ในทางตรงกันข้าม มีรายงานว่านาย Nilton David ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงินของธนาคารกลางได้กล่าวว่า “ไม่เหมาะสม” ที่จะนำสินทรัพย์คริปโตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศ
การเคลื่อนไหวของบราซิลครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจในการจัดตั้งคลังสำรอง Bitcoin โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารเมื่อเดือนมีนาคม ตามมาด้วยคาซัคสถานที่มีแผนจะเริ่มจัดตั้งคลังสำรองจากเหรียญที่ยึดมาได้ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่มีการคาดการณ์ว่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันนี้รวมถึงอินเดียและสวีเดน
ที่มา: cointelegraph