ในวันที่ 7 สิงหาคม ราคา Bitcoin (BTC) ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงทะลุแนวต้านสำคัญที่ 116,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ 116,828 ดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวเชิงบวกในตลาดมากกว่า 2% ภายในวันเดียว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวที่มีแรงหนุนจากกระแสเงินทุนของนักลงทุนรายใหญ่
ข้อมูลจาก Binance ชี้ว่า มีเงินไหลเข้าสู่ตลาด BTC อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลา 11:35 ตามเวลาระบบ มีการไหลเข้าของ BTC ขนาดใหญ่กว่า 839 BTC ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบวันและเกิดขึ้นหลังจากช่วง 5 วันที่ผ่านมา มียอดไหลออกจากตลาดมากกว่า 2,280 BTC สถานการณ์นี้สะท้อนว่า นักลงทุนรายใหญ่เริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และอาจเป็นตัวจุดประกายให้ตลาดกลับเข้าสู่ภาวะกระทิงในระยะสั้น
ภาพข้อมูล trading bitcoin จาก binance
ด้านปริมาณคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ (Large Orders) พบว่าออร์เดอร์ฝั่งซื้อมีปริมาณสูงถึง 660 BTC ในขณะที่ฝั่งขายมีเพียง 416 BTC ทำให้ inflow สุทธิอยู่ที่ 244 BTC บ่งชี้ว่ากำลังซื้อในตลาดตอนนี้มาจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งมักเป็นกลุ่มที่สามารถดันราคาขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังส่งผลเชิงจิตวิทยาให้รายย่อยหันมาซื้อเก็งกำไรตาม
ขณะเดียวกัน กราฟการเติบโตของมาร์จิ้น (Margin Debt Growth) และอัตราส่วนการเปิด Long Position ก็แสดงให้เห็นว่ามีผู้เล่นในตลาดจำนวนมากกำลังเข้าสู่สถานะซื้อพร้อมใช้ Leverage ในระดับที่เพิ่มขึ้น นี่เป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้ว่าตลาดกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่แค่จากการซื้อสะสมด้วยเงินสดเท่านั้น แต่รวมถึงแรงเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นผ่านการกู้ยืมเชิงกลยุทธ์
การพุ่งของราคาครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการดีดตัวชั่วคราวจากเทรนด์เทคนิค แต่ได้รับแรงสนับสนุนจากเม็ดเงินจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาโดยเฉพาะจากผู้เล่นรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมจะดูเป็นบวก แต่นักลงทุนก็ยังควรเฝ้าระวังการขายทำกำไรระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นเมื่อราคาขึ้นสูงเกินแนวต้านในรอบวันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากไม่มีข่าวบวกหรือแรงหนุนเชิงพื้นฐานเพิ่มเติมเข้ามารองรับอย่างต่อเนื่อง
หากราคาสามารถยืนเหนือ $116,000 ได้อย่างมั่นคง มีความเป็นไปได้สูงที่ BTC จะเดินหน้าขึ้นไปทดสอบระดับ $118,000 หรือ $120,000 ในอนาคตอันใกล้ โดยมีเสถียรภาพของคำสั่งซื้อและการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ
ที่มา: binance