<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เผย ! 7 เทคนิค (ไม่ลับ) กลับมามั่นใจในการเทรด หลังจากขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มีใครเคยรู้สึกแบบนี้บ้างมั้ย ตื่นเช้ามาแล้วต้องดูพอร์ตก่อนเลย เห็นแต่สีแดงบ่อยๆ ก็เริ่มเครียด หรือบางทีก็เทรดผิดพลาดติดต่อกันหลายครั้ง จนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเสียความมั่นใจในสิ่งที่เคยทำได้ไปหมด 

การขาดทุนอย่างต่อเนื่องในการเทรดเป็นเรื่องที่นักเทรดทุกคนต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือแม้แต่คนที่เทรดมาหลายปีแล้วก็ตาม ความแตกต่างระหว่างเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวกับคนที่ล้มเลิกไปกลางคัน ไม่ใช่การไม่เคยขาดทุน แต่เป็นวิธีการจัดการกับช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ต่างหาก

ในบทความนี้เราจะมาเปิดเผย 7 เทคนิคลับที่จะช่วยให้คุณฟื้นความมั่นใจและกลับมาเทรดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง หลังจากขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

1. พักเพื่อรีเซ็ตจิตใจ

หลังจากที่ขาดทุนอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน สิ่งแรกที่ควรทำคือ หยุดเทรดชั่วคราว อาจจะเป็น 1-2 วัน และนี่คือสิ่งที่เทรดเดอร์หลายคนทำผิดกัน พวกเขาคิดว่าต้องรีบกลับไปเทรดให้เร็วที่สุด เพื่อทำกำไรชดเชยที่เสียไปให้ได้ แต่ความจริงแล้ว การเทรดในสภาพจิตใจที่ยังไม่พร้อมเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เสียหายมากกว่าเดิม

ลองคิดภาพนักมวยที่เพิ่งถูกน็อกมา ถ้าเขาลุกขึ้นมาต่อยต่อทันที โดยที่ร่างกายยังไม่พร้อม โอกาสที่เขาจะโดนน็อกอีกครั้งก็สูงมาก แต่ถ้าเขาให้เวลาตัวเองพักฟื้นที่เหมาะสม เมื่อเขากลับขึ้นเวทีอีกครั้ง เขาก็มีโอกาสชนะมากขึ้น

2. ลดขนาดของ Position การเทรดชั่วคราว

เมื่อเรากลับมาเทรดใหม่อีกครั้ง จุดผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดคือ การคิดว่าเราสามารถกลับมาใช้เงินเต็มจำนวนได้ทันที หลายคนคิดว่าเนื่องจากตัวเองเคยเทรดได้ดีมาก่อน การกลับมาก็น่าจะเหมือนเดิม แต่ความจริงแล้ว หลังจากช่วงพัก ทักษะการเทรดของเราอาจลดลงไปบ้าง รวมถึงจิตใจอาจยังไม่พร้อมกับแรงกดดันเท่าเดิม การเทรดด้วยเงินเต็มจำนวนในช่วงแรกจึงเป็นการเสี่ยงที่ไม่จำเป็น

ให้เปรียบเทียบกับนักกีฬาที่พักจากการแข่งขันไปสักพัก เมื่อเขากลับมาซ้อม เขาไม่ได้ซ้อมหนักเต็มที่ตั้งแต่วันแรก แต่เขาจะค่อยๆ เพิ่มความหนักของการซ้อมทีละนิด จนกว่าร่างกายและจิตใจจะคุ้นเคยกับการแข่งขันอีกครั้ง การเทรดก็เหมือนกัน เราควรเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนเล็กก่อน เช่น 10-20% ของปกติ

ถ้าปกติคุณเทรดครั้งละ 10,000 บาท ให้ลดลงมาเป็น 1,000-2,000 บาทก่อน เพื่อให้มีพื้นที่ในการทำผิดพลาดโดยไม่เสียหายหนัก เมื่อเทรดด้วยเงินจำนวนที่ลดลงแล้วสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ 2-3 สัปดาห์ ถึงจะค่อยๆ เพิ่มขนาดเงินขึ้นกลับมาที่เดิม

3. นึกถึงความสำเร็จในอดีต

หนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราขาดทุนต่อเนื่องคือ เราจะลืมความสำเร็จที่เคยทำได้ สมองของเราจะโฟกัสไปที่ความผิดพลาด ความล้มเหลว และเริ่มสร้างความเชื่อใหม่ว่าเราไม่เหมาะกับการเทรด หรือเราไม่มีความสามารถในการทำกำไรจากตลาด แต่นั่นไม่ใช่ความจริง ความจริงคือ เราเคยทำได้แล้ว และเราสามารถทำได้อีก

ให้เราใช้เวลากลับไปดูบันทึกการเทรดในช่วงที่เราทำกำไรได้ดี ไม่ใช่เพื่อไปเสียดายกับอดีต แต่เพื่อเตือนตัวเองว่าเราสามารถทำได้ ให้ดูว่าในช่วงนั้นเราใช้กลยุทธ์อะไร เราทำอะไรถูก เราบริหารความเสี่ยงอย่างไร เราควบคุมอารมณ์ยังไง ทุกสิ่งที่เราเคยทำได้ในอดีต เราสามารถทำได้อีกในอนาคต ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือการฝึกฝนและความต่อเนื่อง

4. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจกลับมา

หนึ่งในกับดักที่เทรดเดอร์หลายคนติดคือ การคิดว่าเราต้องทำกำไรชดเชยที่เสียไปให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเราเสีย 50,000 บาทไป เราก็อยากได้กลับมา 50,000 บาทให้ไวที่สุด ความคิดแบบนี้เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ เพราะเมื่อเราตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป เราจะรู้สึกกดดัน และเมื่อเรารู้สึกกดดัน เราจะเริ่มเสี่ยงมากเกินไป ลงทุนมากเกินไป และสุดท้ายก็ขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก

แทนที่จะคิดแบบนี้ ให้เราเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้จริง เช่น ทำกำไร 1-2% ต่อวัน หรือเทรดให้ได้กำไร 3 วันติดต่อกัน เป้าหมายเหล่านี้อาจฟังดูน้อย แต่มันสำคัญมาก เพราะทุกครั้งที่เราทำเป้าหมายได้ ความมั่นใจของเราจะเพิ่มขึ้นทีละนิด

5. ยอมรับว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกม ไม่ใช่ความผิดพลาด

นี่คือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเทรดเดอร์หลายคน พวกเขาคิดว่า การขาดทุนหมายความว่าพวกเขาทำผิด พวกเขาไม่เก่ง พวกเขาไม่เหมาะกับการเทรด แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด เหมือนกับที่ร้านค้าต้องมีค่าใช้จ่าย การขาดทุนในการเทรดก็เป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจนี้

ลองดูเทรดเดอร์มืออาชีพ พวกเขาไม่ได้ชนะทุกครั้งที่เทรด บางคนชนะแค่ 40-60% แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จคือ เมื่อพวกเขาชนะ พวกเขาทำกำไรได้มากกว่า ตอนที่พวกเขาแพ้ นี่คือหลักการพื้นฐานของการเทรด ไม่ใช่การชนะทุกครั้ง แต่เป็นการทำให้กำไรรวมมากกว่าขาดทุนรวม

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าการขาดทุนเป็นเรื่องปกติ เราจะหยุดโทษตัวเองทุกครั้งที่เทรดขาดทุน แต่เราจะมาโฟกัสที่สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ เราควบคุมการขาดทุนได้หรือไม่ เรามีเหตุผลที่ดีในการเข้าและออกจากการเทรดหรือเปล่า เมื่อเราทำตามแผนแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นกำไรหรือขาดทุน เราก็ควรพอใจกับตัวเอง เพราะเราได้ทำในสิ่งที่ควบคุมได้ทั้งหมดแล้ว

6. โฟกัสที่กระบวนการ ไม่ใช่ตัวเงิน ให้ความสำคัญกับทักษะมากกว่าผลลัพธ์

หยุดคิดว่า “วันนี้ต้องทำกำไรเท่าไหร่” แต่เปลี่ยนมาคิดว่า “วันนี้จะทำตามแผนการเทรดได้ยังไง” การบังคับตัวเองให้หาเงินได้ทุกวัน จะทำให้เครียดและกดดันตัวเองมากเกินไป ลองมองภาพใหญ่ขึ้น เป็นสัปดาห์ หรือเดือนแทน

แทนที่จะดูกำไร-ขาดทุน ให้จดว่า วันนี้ทำตามแผนหรือไม่ เข้าหน้าเทรดที่อยู่ในแผนหรือเปล่า เมื่อกระบวนการถูก ผลลัพธ์ก็จะดีตาม

7. มองผลลัพธ์ในระยะยาว

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับการเทรดคือ หลายคนคิดว่าเทรดเดอร์ที่ดีต้องทำกำไรได้ทุกวัน หรืออย่างน้อยก็ทุกสัปดาห์ พวกเขาเห็นโฆษณาหรือเรื่องเล่าของคนที่บอกว่าเทรดได้กำไรทุกวัน และคิดว่านั่นคือมาตรฐานที่พวกเขาต้องทำตาม แต่ความจริงแล้ว การเทรดก็เปรียบเหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร

ให้เราลองตั้งเป้าหมายในระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น ในปีนี้เราอยากได้ผลตอบแทน 30% จากการเทรด เป้าหมายแบบนี้ จะช่วยให้เราเห็นภาพรวม และไม่ติดอยู่กับผลลัพธ์รายวัน มันจะช่วยให้เราเข้าใจว่า การขาดทุนในบางวันหรือบางสัปดาห์เป็นเรื่องปกติ และไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้

สรุป

การขาดทุนจากการเทรดเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ สิ่งสำคัญคือ การใช้ช่วงเวลานี้ เป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง อย่าเพิ่งยอมแพ้ ลองถามตัวเองว่า เราพลาดอะไรไป ฝึก Backtest ไม่มากพอ, บริหารเงินในแต่ละไม้ไม่ดี หรือยังไม่เข้าใจเทคนิคที่ตัวเองใช้มากพอ เมื่อหาเจอแล้ว ก็ปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นไป

การกลับมาสู่เส้นทางสู่การทำกำไร ต้องอาศัยความอดทน วินัย และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ใช้ 7 เทคนิคนี้ เป็นแนวทางในการสร้างความมั่นใจใหม่ และจำไว้ว่าทุกความล้มเหลวคือบทเรียนที่มีค่า

นักลงทุนต้องรู้ไว้ว่าการเทรดหรือการลงทุรระยะสั้นมีความเสี่ยงสูง ควรใช้เงินทุนที่สามารถเสียได้เต็มจำนวน และควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน หากรู้สึกเครียดหรือซึมเศร้าจากการเทรดอย่างรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ