รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ Government Shutdown เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี หลังจากที่วุฒิสภาฝ่ายเดโมแครตลงมติปฏิเสธร่างกฎหมายขยายเวลาการใช้งบประมาณ (CR) ของพรรครีพับลิกัน เมื่อคืนวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลกลางต้องปิดทำการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เวลา 11.00 น. ตามเวลาไทย
ร่างกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อขยายการจัดสรรงบประมาณออกไปอีก 7 สัปดาห์ แต่ถูกโหวตคว่ำด้วยคะแนน 55 ต่อ 45 เสียง ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ 60 เสียงที่จำเป็นต่อการผ่านร่างกฎหมาย
เดโมแครตยืนยันไม่รับร่างงบชั่วคราว หากไม่มีการต่ออายุ เงินอุดหนุนภายใต้โครงการ Affordable Care Act (ACA) ที่กำลังจะหมดอายุสิ้นปีนี้ เนื่องจากหากไม่ต่ออายุ จะส่งผลให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องแบกรับค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่สูงขึ้น หรืออาจสูญเสียความคุ้มครองไปโดยสิ้นเชิง
ด้านรีพับลิกันโต้กลับว่า เดโมแครตกำลัง “จับรัฐบาลเป็นตัวประกัน” ด้วยการใช้ ACA เป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่เกินกว่าการบริหารงบประมาณทั่วไป
การปิดทำการครั้งนี้กระทบต่อ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกว่า 750,000 คน ที่ต้องถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่อีกหลายแสนคนซึ่งทำงานด้านความมั่นคง กฎหมาย และการบิน ต้องทำงานต่อไป โดยไม่ได้รับค่าจ้าง
นอกจากนี้ ตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ต่างๆ ที่มีกำหนดประกาศในสัปดาห์นี้ อาทิ Nonfarm Payrolls ก็จะถูกระงับ จนกว่าจะมีการผ่านร่างงบประมาณใหม่
สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประเมินว่า Shutdown ครั้งนี้ จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 400 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
เหตุการณ์ล่าสุดนี้ นับเป็นการปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเคยยืดเยื้อนานถึง 34 วัน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รอบใหม่นี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะลากยาวเพียงใด
Chuck Schumer ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ระบุว่าการเจรจาจะยังคงเดินหน้าต่อไป แต่ย้ำว่า เดโมแครตจะไม่ถอยในประเด็น ACA เพราะเป็น “เรื่องชีวิต” ของชาวอเมริกันหลายล้านครอบครัว
ที่มา:time

