บรรยากาศในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกลับมาร้อนแรงถึงขีดสุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อราคา Bitcoin ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนเกือบจะทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่เคยทำไว้ โดยราคาได้เข้าใกล้ระดับ 124,457.12 ดอลลาร์ และผลักดันให้มูลค่าตลาดรวมทะยานขึ้นเหนือ 2.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
การทะยานขึ้นครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากกระแสความเชื่อมั่นในเชิงบวกจากทุกทิศทาง ตั้งแต่ผู้ทรงอิทธิพลในวงการ, ตลาดคาดการณ์ ไปจนถึงธนาคารยักษ์ใหญ่แห่ง Wall Street
เสียงเชียร์กระหึ่ม จากเซย์เลอร์ถึงตระกูลทรัมป์
ผู้สนับสนุน Bitcoin คนสำคัญต่างออกมาแสดงความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่
- ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ผู้ร่วมก่อตั้ง MicroStrategy ได้ทำโพลสำรวจบนแพลตฟอร์ม X ถามว่า “Bitcoin จะปิดสิ้นปีนี้สูงกว่า $150,000 หรือไม่?” ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจเกือบ 76% เชื่อว่าเป็นไปได้ เขายังได้แชร์โพสต์เก่าของเขาที่เคยกล่าวติดตลกว่า “ยอมขายไต แต่อย่าขาย Bitcoin” พร้อมแคปชั่นว่า “หวังว่าคุณจะยังเก็บ Bitcoin ไว้นะ”
- อีริก ทรัมป์ (Eric Trump) บุตรชายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์วิดีโอจากงาน “American Bitcoin” ของบริษัทตระกูลทรัมป์ พร้อมกับเรียกการพุ่งขึ้นของราคาครั้งนี้ว่า “มันส์สุดๆ!” (ripping!)
ตลาดคาดการณ์และ Wall Street มองไปไกลกว่า
ความเชื่อมั่นไม่ได้มาจากแค่ในวงการคริปโตเท่านั้น แต่ยังสะท้อนออกมาในตลาดคาดการณ์และบทวิเคราะห์ของสถาบันการเงิน
- ตลาดคาดการณ์ (Kalshi) ให้โอกาสสูงถึง 97% ที่ราคา Bitcoin จะแตะ 125,000 ดอลลาร์ ก่อนเดือนธันวาคม 2025
- Wall Street ธนาคารชั้นนำต่างออกมาคาดการณ์เป้าหมายราคาสิ้นปีนี้อย่างคึกคัก
- Citigroup คาดการณ์ไว้ที่ $133,000
- JPMorgan ตั้งเป้าหมายที่ $165,000
- Standard Chartered มองบวกที่สุด โดยคาดว่าราคาอาจพุ่งไปถึง $200,000 ในปี 2025
ATH ที่ ‘เงียบ’ ที่สุด?
ท่ามกลางความร้อนแรงนี้ Ansem นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังได้ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า “นี่อาจจะเป็นการทำ All-Time High ของ Bitcoin ที่ ‘เงียบ’ ที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมาบน Crypto Twitter”
ซึ่งอาจสะท้อนถึงตลาดที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยมีแรงซื้อจากสถาบันเป็นหลัก มากกว่าแรงเก็งกำไรจากนักลงทุนรายย่อยเหมือนในวัฏจักรก่อนๆ
ณ ขณะนี้ มูลค่าตลาดของ Bitcoin ได้แซงหน้าธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่งของโลกรวมกันไปแล้ว และให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนสูงถึงเกือบ 105.33% ในเวลาเพียงหนึ่งปี
ที่มา: yahoo

