Circle บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังเหรียญ Stablecoin ตัวท็อปอย่าง USDC ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Testnet ของบล็อกเชนใหม่ล่าสุดในชื่อ Arc ซึ่งเป็น Layer-1 ที่พวกเขาตั้งใจจะใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อนำเอาบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมทั่วโลกมาไว้บนโลกดิจิทัล หรือที่เรียกว่า “ออนเชน” สิ่งนี้สอดคล้องกับที่พวกเขาเคยเกริ่นไว้ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
Circle เรียกการเปิดตัว Arc นี้ว่าเป็น “ระบบปฏิบัติการเศรษฐกิจบนอินเทอร์เน็ต” ซึ่งสะท้อนความทะเยอทะยานที่จะเป็นรากฐานทางการเงินยุคใหม่ ความน่าตื่นเต้นอยู่ตรงที่มีการดึงบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่กว่า 100 แห่งเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขาใหญ่ในวอลล์สตรีทอย่าง BlackRock, Goldman Sachs, BNY Mellon, Deutsche Bank ไปจนถึงเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกอย่าง Visa และ Mastercard
สิ่งที่ทำให้ Arc โดดเด่นและเป็นที่สนใจจากสถาบันยักษ์ใหญ่กว่า 100 แห่ง ก็คือการแก้ปัญหาพื้นฐานของบล็อกเชนแบบเดิม ๆ นั่นคือเรื่องของค่าธรรมเนียม หรือ Gas Fee ปกติแล้วบล็อกเชนส่วนใหญ่จะใช้เหรียญ Native ของตัวเอง (เช่น ETH หรือ SOL) เป็นค่า Gas ซึ่งราคามักจะผันผวน ทำให้การวางแผนทางการเงินของธุรกิจเป็นไปได้ยาก
แต่ Arc ถูกออกแบบมาให้ใช้ USDC เป็น Native Gas Token ซึ่งหมายความว่า ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทั้งหมดบน Arc จะจ่ายด้วย USDC นั่นเอง การใช้ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตรงนี้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถคาดการณ์ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมได้อย่างแม่นยำและมั่นคงในสกุลเงินดอลลาร์ (predictable dollar-based fees) โดยไม่ต้องกังวลว่าค่า Gas จะพุ่งสูงขึ้นตามความผันผวนของเหรียญคริปโตอื่น ๆ ทำให้ง่ายต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ตลาดทุน หรือการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) ซึ่งต้องการความเสถียรของต้นทุน
ที่สำคัญที่สุดคือ Arc ถูกสร้างมาโดยมีการรวมเข้ากับ USDC Stablecoin ของ Circle และ ระบบการชำระเงิน (payments stack) โดยตรง ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นแพลตฟอร์มที่พร้อมรองรับการใช้งานทางการเงินที่หลากหลายได้อย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่การกู้ยืมและตลาดทุน ไปจนถึงการชำระเงินข้ามพรมแดน และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก

Jeremy Allaire ซีอีโอของ Circle gชื่อมั่นว่าการผนวก USDC เข้ากับระบบ Gas Fee โดยตรงนี้ จะดึงดูดฐานผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านยูเซอร์ ของบริษัทพันธมิตรให้เข้ามาเคลื่อนย้ายสินทรัพย์มูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์บน Arc ในอนาคต
นอกจากค่าธรรมเนียมที่มั่นคงแล้ว Arc ยังมาพร้อมกับการยืนยันธุรกรรมที่รวดเร็วระดับ เสี้ยววินาที และมีการควบคุมความเป็นส่วนตัวแบบเลือกได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของสถาบันการเงินขนาดใหญ่โดยเฉพาะ การที่ USDC กลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน Arc จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการผลักดัน Stablecoin ให้กลายเป็นรากฐานที่มั่นคงของเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่
นอกเหนือจากนี้อีกไม้เด็ดของบล็อกเชน Arc คือ การทำหน้าที่ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Stablecoin โดยตัวเครือข่ายจะทำการสนับสนุนรองรับโทเคนที่ถูกตรึงมูลค่าเข้ากับเงินเฟียต, กองทุนที่ถูกแปลงเป็นโทเคน และ สภาพคล่องในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ปัจจุบันมีผู้ออก Stablecoin จาก $7$ ประเทศเข้าร่วมทดสอบเครือข่ายแล้ว ซึ่งรวมถึงสกุลเงินอย่าง JPYC (ญี่ปุ่น), BRLA (บราซิล), MXNB (เม็กซิโก), และ PHPC (ฟิลิปปินส์)
อย่างไรก็ตาม แผนระยะยาวของ Circle คือการพัฒนา Arc ให้กลายเป็นเครือข่ายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของชุมชนอย่างเต็มรูปแบบ และในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเขามีแผนที่จะนำเครื่องมือและเทคโนโลยี AI ชั้นนำ อย่างเช่น Anthropic’s Claude Agent SDK เข้ามาเปิดให้นักพัฒนาสามารถใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยเสริมขีดความสามารถและนวัตกรรมบนเครือข่าย Arc ให้ก้าวหน้าไปอีก
ที่มา : Cointelegraph
ภาพ : Bloomberg

