<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์เผย สาเหตุทำไมราคา Bitcoin ถึงร่วงหนักหลัง Fed ประกาศลดดอกเบี้ย ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่หลายคนคาดว่า การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะช่วยพยุงราคาสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin ให้พุ่งขึ้นได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ราคา Bitcoin กลับร่วงลงติดต่อกันถึง 4 วัน ทำสถิติต่ำสุด นับตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 

แถมยังเกิดขึ้นพร้อมกับข่าวดีทางเศรษฐกิจอย่าง ดีลการค้าระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง อีกด้วย จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับตลาดคริปโตกันแน่?”

นักวิเคราะห์ชี้ตรงกัน สาเหตุหลักของการร่วงหนักรอบนี้ มีอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ ๆ 

1. ตลาดคาดไว้แล้ว “ข่าวดีจึงกลายเป็นข่าวขาย”

การลดดอกเบี้ย 0.25% ครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้นักลงทุนเซอร์ไพรส์เลย เพราะก่อนหน้าการประกาศอย่างเป็นทางการ ความเป็นไปได้ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยก็สูงถึง 98% อยู่แล้ว เช่นเดียวกับ “ดีลการค้า” ของทรัมป์กับสีจิ้นผิง ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนจากสัญญาณหลายอย่าง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคาด นักลงทุนจึงใช้กลยุทธ์ “Sell the news” หรือขายทำกำไร หลังข่าวจริงออกมา ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ดิ่งลงแทบจะทันทีหลังประกาศ

2. ท่าทีของ Fed เข้มงวดกว่าที่คิด
แม้จะลดดอกเบี้ย แต่คำแถลงของ Jerome Powell ประธาน Fed กลับส่งสัญญาณที่ระมัดระวัง จนตลาดรับรู้เป็นสัญญาณลบ โดยเขากล่าวชัดเจนว่า “การลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยังไม่มีความแน่นอน” 

ทำให้โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยรอบถัดไป ลดจากกว่า 90% เหลือเพียง 65% เท่านั้น ท่าทีนี้ไม่ได้กดดันแค่ตลาดคริปโต แต่ยังลากให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงตามไปด้วย

แต่ไม่ใช่แค่แรงขายจากนักลงทุนเท่านั้นที่กดดันตลาด การล้างพอร์ต (Liquidation) ก็ซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการล้างพอร์ตของนักเทรด Bitcoin รวมมูลค่ากว่า 483 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะนักเทรดรายหนึ่งบนแพลตฟอร์ม Hyperliquid ที่ถูกล้างพอร์ตไปกว่า 21,400,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์นี้เกิดจากราคา Bitcoin ที่ร่วงลงอย่างแรง ทำให้สัญญา Leverage ของนักเทรด ทะลุจุดมาร์จิ้นคอลและถูกระบบล้างพอร์ตโดยอัตโนมัติ 

การล้างพอร์ตคริปโตพุ่งสูง  ที่มา: CoinGlass

ในเวลาเดียวกัน มูลค่ารวมของสัญญาเปิด (Open Interest) ในตลาดฟิวเจอร์สของ Bitcoin ก็ร่วงลงอย่างมากจาก 94,000 ล้านดอลลาร์ เหลือ 73,000 ล้านดอลลาร์ส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ “ภาวะ Deleveraging” หรือการลดภาระหนี้ขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ราคายิ่งไหลแรงลงไปอีก

สัญญาณลบยังลามไปถึงกองทุน Spot Bitcoin ETF ด้วย โดยข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา กองทุน Spot Bitcoin ETF สูญเสียสินทรัพย์รวมกว่า 470 ล้านดอลลาร์ทำให้ยอดเงินไหลออกสุทธิของสัปดาห์นี้แตะ 118 ล้านดอลลาร์ โดยกองทุนที่โดนหนักที่สุดคือ Fidelity’s FBTC สูญมูลค่า 164 ล้านดอลลาร์ , ARK Invest’s ARKB สูญมูลค่า 143 ล้านดอลลาร์ และกองทุน BlackRock’s IBIT สูญมูลค่า 88 ล้านดอลลาร์

ด้านเทคนิคก็ไม่สวยงามนัก กราฟรายวันของ Bitcoin แสดงให้เห็นว่า ราคาถูกปฏิเสธที่แนวต้าน $116,370 และกำลังเข้าใกล้การเกิดรูปแบบ “Death Cross” สัญญาณคลาสสิกของตลาดขาลง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดลงใต้เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หากรูปแบบนี้เกิดขึ้นจริง นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า ราคา Bitcoin อาจดิ่งลงต่อถึงระดับ $100,000 หรือต่ำกว่านั้น

กราฟราคา BTC 

สุดท้าย เหตุการณ์นี้อาจตอกย้ำบทเรียนสำคัญของตลาดคริปโตว่า “ข่าวดี” ไม่ได้หมายความว่า ราคาจะขึ้นเสมอไป เพราะตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวตามข่าว แต่เคลื่อนไหวตาม “ความคาดหวัง” และ “ความเชื่อมั่น” ของนักลงทุนต่างหาก และเมื่อความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอน ต่อให้ Fed ลดดอกเบี้ยกี่ครั้ง ราคาก็อาจยังร่วงต่อได้อยู่ดี

ที่มา : crypto news