รัฐบาลแคนาดากำลังเดินหน้าผลักดันกฎหมายใหม่เพื่อกำกับดูแล Stablecoin ที่อ้างอิงค่าเงินดอลลาร์แคนาดา ตามรอยเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งผ่านร่างกฎหมายคล้ายคลึงกันไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ท่ามกลางกระแสความตื่นตัว ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Scotiabank กลับออกมาเบรกความตื่นเต้น โดยมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อปฏิรูปโครงสร้างตลาดการเงินในภาพใหญ่แต่อย่างใด หากแต่เป็นเพียงความพยายามในการ “ปรับปรุงระบบท่อส่งเงิน” ให้ทันสมัยขึ้น เน้นความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และความสามารถในการชำระดุลได้ตลอด 24 ชั่วโมง มากกว่าที่จะเป็นการจัดการความเสี่ยงเชิงระบบอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ใต้สินทรัพย์หนุนหลัง
ในมุมมองของ Derek Holt นักเศรษฐศาสตร์จาก Scotiabank ได้วิเคราะห์เจาะลึกถึงโครงสร้างความเสี่ยง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสินทรัพย์หนุนหลัง ของเจ้าตลาดอย่าง Tether และ Circle ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของพันธบัตรระยะสั้นและกองทุนตลาดเงิน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์วิกฤตศรัทธาจนคนแห่ถอนเงิน ขึ้นมา อาจนำไปสู่การเทขายสินทรัพย์เพื่อรักษาสภาพคล่องจนเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ได้ โดยเฉพาะเมื่อ S&P เพิ่งปรับลดความน่าเชื่อถือในการตรึงมูลค่าของ Tether ลง
ในขณะที่ Circle ดูจะมีเสถียรภาพมากกว่าเล็กน้อยจากการถือครองพันธบัตรที่รัดกุมกว่า แต่ทั้งนี้ เขาย้ำว่าหากไม่มีมาตรการรองรับจากธนาคารกลาง ผู้ออกเหรียญเหล่านี้ก็แทบจะไร้เกราะป้องกันเมื่อเกิดภาวะวิกฤต
โอกาสทองของการโอนเงินข้ามโลก
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์สรุปว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ใช่หนังม้วนเดิมของวิกฤตการเงินในอดีต เพราะมูลค่าตลาดของ Stablecoin ยังถือเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของระบบการเงินโลก สำหรับประโยชน์ที่แท้จริงที่แคนาดาคาดหวังจากการจัดระเบียบครั้งนี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระบบธนาคารภายในประเทศ แต่คือการปฏิวัติ “การโอนเงินข้ามพรมแดน” ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของเทคโนโลยีนี้
หากผู้ออกเหรียญสามารถพิสูจน์ความมั่นคงได้ Stablecoin จะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมมหาโหด และเปิดประตูสู่ยุคการชำระเงินที่ไร้รอยต่อ ทำได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอเวลาทำการของธนาคารอีกต่อไป
ที่มา: coindesk