<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนเฮ ! อังกฤษไฟเขียวกฎหมายคุ้มครองคริปโต ยกระดับสิทธิเทียบเท่า ‘ทรัพย์สินจริง’  

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สหราชอาณาจักร (UK) ยกระดับมาตรฐานสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งประวัติศาสตร์ หลังมีการประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่ รับรองให้ Bitcoin และ คริปโตเคอร์เรนซี มีสถานะเป็น “ทรัพย์สินส่วนบุคคล” อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะช่วยคุ้มครองสิทธิ์ของผู้ถือเหรียญได้เทียบเท่ากับทรัพย์สินทั่วไป

ไฟเขียว “Property (Digital Assets etc) Bill” มีผลบังคับใช้ทันที

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Lord Speaker John McFall ได้ประกาศกลางสภาขุนนางว่า ร่างกฎหมาย Property (Digital Assets etc) Bill ได้รับการลงพระปรมาภิไธย จาก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ ถือเป็นการปูพรมแดงให้ UK ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง Crypto และ Web3 ระดับโลก

จบปัญหาข้อกฎหมายเดิม : คริปโตคือ “ทรัพย์สิน” 

จากเดิมกฎหมายทรัพย์สินของอังกฤษแบ่งออกเป็นเพียง 2 ประเภท คือ 1. สิ่งที่จับต้องได้ (เช่น รถยนต์) และ 2. สิทธิเรียกร้อง (เช่น หุ้น, สัญญา) ทำให้เกิด “ช่องโหว่” ว่าคริปโตจัดอยู่ในหมวดหมู่ใด

แต่กฎหมายใหม่นี้ได้ทลายข้อจำกัดเดิม โดยระบุชัดเจนว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลได้” ไม่ว่าจะจับต้องได้หรือไม่ ยุติทุกข้อถกเถียงและสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางกฎหมายที่ชัดเจนที่สุด

นักลงทุนได้ประโยชน์อะไรบ้าง? 

ทาง CryptoUK และ Freddie New จาก Bitcoin Policy UK ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า นี่คือก้าวสำคัญที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้งานได้มากขึ้นหลายเท่าตัว

  • กู้คืนทรัพย์สินได้ง่ายขึ้น: หากถูกแฮก ถูกขโมย หรือถูกฉ้อโกง กระบวนการทางกฎหมายในการติดตามและยึดทรัพย์คืนจะทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้น
  • ความชัดเจนในคดีล้มละลาย: หากแพลตฟอร์มเทรดหรือคู่กรณีล้มละลาย คริปโตจะถูกนับเป็นกองทรัพย์สินที่มีกฎหมายรองรับสิทธิ์ของเจ้าหนี้ชัดเจน
  • การจัดการมรดก: การส่งต่อคริปโตให้ทายาทจะมีความชัดเจนทางกฎหมายเหมือนการส่งมอบที่ดินหรือเงินสด
  • สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของในชั้นศาลจะมีน้ำหนักและหลักฐานที่กฎหมายรองรับเต็มรูปแบบ

ปัจจุบันมีชาวอังกฤษถือคริปโตแล้วถึง 12% และรัฐบาลเองก็มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศกลายเป็น ศูนย์กลาง Web3 และ Crypto ระดับโลก

ที่มา : cointelegraph