กลุ่มประเทศ BRICS เดินหน้าเพิ่มปริมาณทองคำสำรองอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกสามารถสะสมทองคำได้ถึง 663 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 9.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามรายงานของสภาทองคำโลก (World Gold Council) แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องก็ตาม
การเข้าซื้อทองคำครั้งใหญ่ดังกล่าว ได้จุดกระแสการคาดการณ์ในตลาดการเงินว่า BRICS อาจกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับสกุลเงินร่วมในอนาคต โดยใช้ทองคำเป็นกลไกช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์
ทองคำเริ่มแซงบทบาทดอลลาร์ในการเป็นสกุลเงินสำรอง
การสะสมทองคำในระดับสูงสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศของกลุ่ม BRICS โดยทองคำเริ่มเข้ามาทดแทนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐบางส่วน
แรงซื้อจากประเทศในกลุ่มช่วยหนุนราคาทองคำให้พุ่งขึ้นแตะระดับราว 4,339 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และทำให้ปริมาณทองคำรวมที่ BRICS ถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 6,026 ตัน แม้จะยังต่ำกว่าสหรัฐฯ ซึ่งถือครอง 8,133 ตัน แต่ก็สูงกว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ ส่วนใหญ่
เมื่อแยกตามประเทศ รัสเซียยังคงเป็นผู้ถือครองทองคำรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มที่ 2,336 ตัน ตามมาด้วยจีนที่ 2,298 ตัน อินเดียถือครอง 880 ตัน ขณะที่บราซิลเพิ่มการซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณทองคำสำรองรวมอยู่ที่ 145.1 ตัน
แนวโน้มสะสมทองคำเร่งตัวหลังมาตรการคว่ำบาตร
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเพิ่มทองคำสำรองอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่ปรากฏการณ์ระยะสั้น แต่เป็นแนวโน้มที่เริ่มชัดเจนตั้งแต่ปี 2022 หลังชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ซึ่งได้เปลี่ยนสมดุลทางการเมืองและการเงินโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป กลุ่ม BRICS เร่งกระจายทุนสำรอง ลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ และเสริมความแข็งแกร่งด้านอธิปไตยทางการเงินของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” (de-dollarization) ที่กลุ่มผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังคงเป็นประเทศที่ถือครองทองคำมากที่สุดในโลก แต่การเพิ่มขึ้นของทองคำสำรองและความเคลื่อนไหวด้านสกุลเงินของ BRICS กำลังส่งสัญญาณถึงความพยายามสร้างระบบการเงินโลกระบบใหม่ที่จะทำให้ขั้วอำนาจของโลกถูกเปลี่ยนแปลง
Source: Cryptodnes

