(17 ธ.ค. 2568) – ตลาดการเงินโลกจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อราคาโลหะเงิน (Silver) พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 66.03 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก โดยปรับตัวขึ้นแรงจนสร้างผลตอบแทนกว่า 100% ตั้งแต่ต้นปี การทำลายสถิติเดิมที่ยาวนานหลายทศวรรษนี้ ไม่เพียงสร้างความฮือฮาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมสำคัญมาถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ
ปรากฏการณ์กระทิงดุของโลหะเงินครั้งนี้ ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยมหภาคที่แข็งแกร่ง ได้แก่ การลดลงของอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของพันธบัตรสหรัฐฯ (Real Yields) และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง ทำให้นักลงทุนทั่วโลกวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ประกอบกับภาวะขาดแคลนอุปทานที่สวนทางกับความต้องการใช้จริงที่พุ่งสูงในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างโซลาร์เซลล์และรถยนต์ EV
สำหรับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี การที่โลหะมีค่าดั้งเดิมอย่าง “เงิน” สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ถือเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง (Validation) ครั้งสำคัญของทฤษฎีการลงทุนใน Bitcoin ในฐานะ “ทองคำดิจิทัล” เพราะสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นักลงทุนกำลังหมดความเชื่อมั่นในเงินตรา Fiat และกำลังมองหา “Hard Asset” หรือสินทรัพย์ที่มีความหายากและมีจำนวนจำกัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ ซึ่งนี่คือคุณสมบัติหลักของ Bitcoin เช่นเดียวกัน
เมื่อกระแสเงินทุนทั่วโลกไหลออกจากระบบการเงินแบบเก่าเพื่อหาที่หลบภัย สภาพคล่องเหล่านี้มักจะไหลเข้าสู่ทั้งกลุ่มโลหะมีค่าและ Bitcoin ไปพร้อมๆ กัน ดังนั้น การพุ่งทะยานของแร่เงินจึงเปรียบเสมือนสัญญาณไฟเขียวขนาดใหญ่ที่ยืนยันว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบันกำลังเอื้ออำนวยอย่างถึงขีดสุดต่อการเติบโตของสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่อิงกับรัฐบาล
นักวิเคราะห์ยังคงมองเป้าหมายถัดไปของราคาแร่เงินที่ระดับ 73-80 ดอลลาร์ ซึ่งแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่จับต้องได้นี้ อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญให้ Bitcoin และตลาดคริปโทฯ โดยรวม เข้าสู่รอบขาขึ้นครั้งใหญ่ตามมาติดๆ ในระยะใกล้นี้
ที่มา: @Barchart