ราคาทองคำในตลาดเอเชียยังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานขึ้นอีก 1.12% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $4,497 ต่อออนซ์ ส่งผลให้ภาพรวมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาทองคำพุ่งทะยานไปแล้วกว่า 67%
อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำมองว่านี่อาจเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของวัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่เท่านั้น หากพิจารณาจากแรงส่งตามบทวิเคราะห์ล่าสุดของ 10x Research
แรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์เนื้อหอมมาจากความเชื่อมั่นของตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ
ขณะเดียวกัน ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตพลังงานจากการปิดกั้นการขนส่งน้ำมันระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา ไปจนถึงข้อพิพาทที่ยังคงยืดเยื้อทั้งในฝั่งยูเครน-รัสเซีย และความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่น-จีน ได้ผลักดันให้นักลงทุนแห่เข้าถือครองทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัยดั้งเดิม” ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ความร้อนแรงของตลาดทองคำยังสะท้อนผ่านตัวเลขในกองทุน Gold ETFs ที่มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 โดยยอดผู้ถือครองทองคำปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกเดือนตลอดทั้งปี ยกเว้นเพียงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น สอดคล้องกับมุมมองของ Goldman Sachs ที่มีความ Bullish ต่อทิศทางราคาทองคำ โดยได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาเป้าหมายขั้นต่ำของทองคำในปีหน้าขึ้นไปอยู่ที่ $4,900 ต่อออนซ์
ขณะที่ 10x Research บริษัทวิเคราะห์ชื่อดังระดับโลก ได้ออกมาเปิดเผยดัชนีชี้วัดล่าสุดระบุว่า ทองคำในขณะนี้ส่งสัญญาณ “ซื้อ” ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายปี โดยได้รับคะแนนความเชื่อมั่นสูงถึง 7.4 จาก 10 คะแนน ซึ่งถือเป็นระดับนัยสำคัญที่บ่งชี้ว่า ราคาทองคำยังมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้น ได้อีกมหาศาลภายใต้สภาวะเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน
ในเชิงเทคนิคกลยุทธ์การวิเคราะห์ของ 10x Research ได้บ่งชี้ถึง Price Pattern ที่น่าสนใจ โดยระบุว่าโครงสร้างราคาทองคำในปัจจุบันมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 7.8% ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งจากการทดสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า รูปแบบนี้มีอัตราความแม่นยำ (Win Rate) สูงถึง 9 ใน 10 ครั้ง หรือคิดเป็นโอกาสประสบความสำเร็จสูงถึง 90% ทำให้การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้ถูกจับตามองว่าเป็นหนึ่งในโอกาสการลงทุนที่มีความเชื่อมั่นสูงที่สุดในรอบหลายปี
จากระดับราคาปัจจุบันที่เคลื่อนไหวบริเวณ $4,480 ทาง 10x Research ได้กำหนดเป้าหมายถัดไป ไว้ที่ $4,830 โดยเน้นย้ำถึงความคุ้มค่าในเชิงความเสี่ยง (Risk/Reward Ratio) ด้วยการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้อยู่ที่ $4,393 หรือจำกัดความเสี่ยงจากการขาดทุนเพียง 2% เท่านั้น
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังให้คำแนะนำที่มีนัยสำคัญด้วยการเสนอให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำสูงถึง 51.3% ของพอร์ตโฟลิโอ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าทองคำกำลังเป็นสินทรัพย์หลักที่จะขับเคลื่อนผลตอบแทนในปี 2569
งานวิจัยฉบับดังกล่าวยังระบุเสริมว่า การทะยานขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเก็งกำไรระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสะท้อนภาพรวมของปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทับซ้อนกัน ทั้งทิศทางดอกเบี้ยขาลง ความไม่แน่นอนทางการเมืองระดับโลก และความต้องการในแร่โลหะมีค่าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นกระแสหลักที่ผลักดันให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่ทองคำอย่างชัดเจน
ในทางกลับกัน สินทรัพย์ที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” อย่าง Bitcoin กลับตกอยู่ในสภาวะซบเซาอย่างน่าตกใจ โดยไร้วี่แววการเกิดปรากฏการณ์ “Santa Rally” หรือการพุ่งขึ้นส่งท้ายปีอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง
ปัจจุบันราคา Bitcoin ยังคงเคลื่อนไหวอย่างอ่อนแรงในกรอบ $87,000 – $90,000 ซึ่งถือเป็นการปรับฐานลงมาแล้วกว่า 21% จากจุดสูงสุดเดิม สภาวะที่สวนทางกันนี้ยิ่งตอกย้ำภาพการย้ายฐานเงินทุนจากโลกคริปโทฯ กลับสู่สินทรัพย์ปลอดภัยดั้งเดิมที่มีความมั่นคงมากกว่าในห้วงเวลาแห่งความผันผวนนี้
ที่มา : Beincrypto