<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บทสัมภาษณ์ Raoul Pal กับคำถามสำคัญ : ลงทุนในคริปโตปี 2026 อย่างไรให้ประสบความสำเร็จโดยไม่พึ่งโชค 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Raoul Pal อดีตผู้บริหาร Goldman Sachs และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของ Real Vision ได้ออกมาเปิดเผยความเชื่อมั่นครั้งใหม่ผ่านพอดแคสต์ “When Shift Happens” ถึงแนวทางการลงทุนคริปโตในปี 2026 เพื่อเป็นการส่งท้ายปี 2025  โดยเขายืนยันว่ากุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จไม่ใช่ “โชค” แต่คือ “ความเข้าใจในวัฏจักรและการสะสมสินทรัพย์ที่ถูกต้อง”

Pal คาดการณ์ว่าในอนาคตตลาดคริปโตจะมีมูลค่ามากกว่า $100 ล้านล้านดอลลาร์ และเทคโนโลยีนี้จะไม่มีทางถูกหยุดลง หมายความว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วง 3% แรก และเราอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 10 ปี ในการไปให้ถึงจุดนั้น ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว แต่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยชอบถามเขาแต่เรื่องของปัจจุบัน

จริงอยู่ที่ว่าราคาคริปโตในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยสวยหรู แต่ Pal มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวนในระยะสั้น เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะตามมาในระยะยาว ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลัก 2 ประการคือ “การเสื่อมถอยของสกุลเงิน” ที่เริ่มเห็นได้ชัด และการเริ่มใช้งานเครือข่ายบล็อกเชน

ในฐานะที่เขาเป็นนักวิเคราะห์ระดับมหภาค เขาจึงได้ให้คำเตือนแก่นักลงทุนว่าอย่าใส่ใจกับเสียงรบกวนในระยะสั้นมากเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สัญญาณที่แท้จริง ซึ่งคุณจะเจอสัญญาณก็ต่อเมื่อโฟกัสให้เป็นภาพใหญ่ในระยะยาว

ทำไม 2025 ถึงแย่

เมื่อถูกถามว่าทำไมปี 2025 ถึงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุนหลายคน Pal ชี้ไปที่เรื่อง “สภาพคล่อง”

ในความหมายที่แวดวงคริปโตใช้กันทั่วไป สภาพคล่อง มักจะหมายถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อก่อนเฟดพิมพ์เงินออกมาเรื่อยๆ แต่ตอนนี้พวกเขาหยุดทำแบบนั้นแล้ว ดังนั้นคุณต้องมาคำนวณหา ‘สภาพคล่องสุทธิ’ ซึ่งประกอบด้วยบัญชีเงินฝากของกระทรวงการคลัง (TGA) และการทำธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบย้อนกลับ (Reverse Repo)

สภาพคล่องที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ จริงๆ แล้วคือ ผลจากการที่เงินใน Reverse Repo ถูกดึงออกมาใช้จนลดน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นอัตราการเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่องจึงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ส่วนบัญชี TGA ก็เปรียบเสมือนบัญชีกระแสรายวัน เดี๋ยวก็เติมเงินเข้าเดี๋ยวก็ถอนเงินออก ทำให้ยอดเงินคงเหลือผันผวนอยู่ตลอด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ช่วยสร้างสภาพคล่องใหม่ให้กับระบบ 

นอกเหนือจากนั้น วัฏจักรของตลาดคริปโตได้ถูกยืดยาวออกไปด้วย จาก 4 ปีเป็น 5 ปี เนื่องจากการขยายระยะเวลาของหนี้จากรัฐบาล แต่เดิมเงินที่ควรถูกพิมพ์ออกมาทุกสี่ปีเพื่อชำระหนี้ ได้ถูกผลักออกไปในปีที่ 5 แทน ซึ่ง 2026 กำลังจะมีหนี้กว่า $10 ล้านล้านที่ต้องจัดการ

สิ่งนี้ หมายความว่าปี 2026 จะเป็นปีที่ตลาดต้องการสภาพคล่องเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้มันมีเหรียญออกมามากเหลือเกิน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าทุกโปรเจกต์จะรอดเหมือนในอดีต 

ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นต้องเลือกลงทุนในโปรเจกต์ให้ถูกตัว ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรกับลงทุนกับเหรียญมีม เพราะขนาดเหรียญชั้นนำอย่าง BTC,ETH,SOL ยังย่อตัวแรงถึง 30%-50% ซึ่งความรุนแรงของการย่อตัวก็ขึ้นอยู่กับการเติบโตของแต่ละโปรเจกต์

กลยุทธ์การลงทุนในปี 2026

Pal ระบุว่ากลยุทธ์ของเขาไม่ใช่วิธีการที่ทำให้ได้เงินมากที่สุด แต่เป็นการทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ “เสียเงินมากเกินไป” จากนั้นก็ค่อยๆปั้นพอร์ตทบต้นไปเรื่อยๆ ซึ่งฟังดูน่าเบื่อแต่มันทำได้จริง

สำหรับปี 2026 การลงทุนใน Layer 1 ที่ได้รับการยอมรับ และมีตลาดที่ใหญ่เป็นทางเลือกที่ดีของการลงทุน เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่มีทางกลับมาคิดว่า “โง่จริงๆที่ซื้อ” เพราะ L1 ดีๆ ไม่มีทางจะเหลือศูนย์ในวัฏจักรเดียว แต่มันจะค่อยๆทำให้คุณเจ็บแบบช้าๆ 

ตอนนี้นักลงทุนมีเครื่องมือมากมายให้ใช้ เช่น ChatGPT ทำให้สิ่งที่ต้องหมั่นเช็คดูเลยคือ คุณกำลังลงทุนแบบตาบอดตามชาวบ้านหรือไม่แค่นั้นก็พอ เพราะในความเห็นของเขา AI ก็ฉลาดพอแล้วในการใช้วิเคราะห์ข้อมูลออนเชนต่างๆ เบื้องต้น

Pal เตือนว่า อย่ายืมความมั่นใจจากนักลงทุนคนอื่นมาใช้ อย่างแบ่งพอร์ตตามคนอื่น เขารับความเสี่ยงได้สูงกว่าเพราะเขามีรายได้จากแหล่งอื่น และทำการบ้านมาหนัก ดังนั้นถ้าเขาพลาดเขาเป็นฝ่ายผิดเอง กฎข้อนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการลงทุน

ที่สำคัญเลยก็คือ นักลงทุนควรที่จะจัดสรรเงินให้ดีต่อการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เงินเก็บ เงินลงทุน และต้องมีเงินสำหรับพักผ่อนท่องเที่ยว เพราะมันจะช่วยยกระดับชีวิตและสร้างประสบการณ์ให้กับคุณ

เทคนิคสร้างความมั่งคั่งแบบง่าย ๆ

Pal แนะนำให้นักลงทุนเลือกสินทรัพย์ให้ถูกตัว และกอดมันเอาไว้นาน ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรก็สามารถสร้างความร่ำรวยได้แล้ว แต่ถ้าอยากให้ดีขึ้นไปอีกการหวนกลับสู่เบสิคอาจเป็นอะไรที่เข้าท่า อย่างการ DCA

ปัจจุบันนักลงทุนจำนวนมากต่างเจ็บปวดกับวัฏจักรนี้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะน้อยคนนักที่จะซื้ออย่างหนักในราคาหลุม และนั่นก็เป็นเรื่องยากที่จะทำ ซึ่งบางส่วนก็ยอมแพ้และหันไปพึ่ง AI ที่ทำเงินได้เร็วกว่า

สำหรับตัวของ Pal เขามีวิธีการ DCA ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเข้าใช้วิธีสมมติว่า ตลาดร่วงลงมาแล้ว 30% ก็ควรที่จะเริ่ม DCA ทว่าเมื่อราคาทำ New High ให้อัดเงินและความถี่ขึ้นไป 3 เท่า เพื่อสร้างผลกำไรที่ดีกว่า และเป็นเรื่องไม่ยากที่จะทำ

หลายคนอาจมองว่า กลยุทธ์ของ Pal คือการพาตัวเองไปติดดอย แต่เทคนิคที่เขาใช้คือการเล่นตามเทรนด์ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าตลาดจะซึมนานขนาดไหนและจะลงไปได้ต่ำสุดเท่าไร เหมือนกับการนำเงินไปแช่ทิ้งไว้ แต่การซื้อตอนราคาขึ้นคือสัญญาณดีว่าโมเมนตัมกำลังไปต่อ ทำให้ไม่ต้องรอนานและได้เงินมากขึ้นแต่ก็เสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน

แล้วตอนนี้หลุมหรือยัง?

สุดท้ายนี้ Pal เชื่อว่า เราได้ผ่านพ้นจุดที่มืดมนที่สุดของวัฏจักรนี้ไปแล้วในเดือนธันวาคม 2025 โดยเขาให้เหตุผลว่าตลาดได้ดูดซับปัจจัยลบทั้งหมดไว้จนหมดสิ้นแล้ว ทั้งจากการล้างสถานะ Leverage ครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม และภาวะไร้สภาพคล่องที่เกิดจากการชัตดาวน์และนโยบายดึงเงินกลับของรัฐบาลสหรัฐฯ

หากการวิเคราะห์ของเขาถูกต้อง เรากำลังจะได้เห็นการฟื้นตัวของสภาพคล่องครั้งใหญ่ไหลกลับเข้าสู่ระบบ ซึ่งทางเฟดเองก็ตระหนักดีถึงสถานการณ์นี้และรู้ว่าต้องขยับตัวอย่างไรต่อไปเพื่อประคองโครงสร้างการเงินโลก โดย Pal เชื่อมั่นว่าการอัดฉีดรอบใหม่นี้จะเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดให้พุ่งทะยานอย่างรุนแรงในปี 2026

ที่มา : Bitget