ผู้ออกกฎหมายสหรัฐฯ เสนอร่างกฎหมายใหม่ ที่จะให้คริปโตไม่ถูกพิจารณาเป็นหลักทรัพย์

ผู้ออกกฎหมายของสหรัฐฯ ยื่นร่างที่ทำให้คริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ไม่ตกอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา นาย Warren Davidson และนาย Darren Soto ผู้ออกกฎหมายของสหรัฐฯ ได้นำเสนอร่างกฎหมายใหม่นาม “Token Taxonomy Act” โดยในร่างนั้น มีการระบุไว้ว่า ให้ยกเว้น “โทเคนดิจิทัล” จากการพิจารณาเป็น หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมทั้งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ของปี 1933 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ปี 1934

มีการนิยามโทเคนดิจิทัล

นิยามของโทเคนดิจิทัลนั้นมีหลากหลายองค์ประกอบด้วยกัน เช่น ต้องมีความเป็น Decentralized ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งสามารถควบคุมมันการพัฒนาและดำเนินการมันได้ ซึ่งร่างกฎหมายนี้จะทำให้คริปโตที่มีความ Decentralized จริง ๆ เท่านั้นถึงจะไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นหลักทรัพย์

นิยามของโทเคนยังได้ระบุไว้ด้วยว่า:

“มีประวัติการทำธุรกรรมที่ถูกบันทึกบนบัญชีดิจิทัลแบบกระจายหรือโครงสร้างข้อมูลดิจิทัลที่มีกลไกหาเสียงส่วนมากด้วยการยืนยันทางคณิตศาสตร์ และหลังจากที่หาเสียงส่วนมากได้แล้ว มันไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และสามารถนำมันไปแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง”

ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ชี้ว่า ตลาดสหรัฐฯ นั้นต้องเริ่มตื่นตัวและเข้าไปแข่งขันกับสิงคโปร์, สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอื่น ๆ แล้ว ซึ่งในตอนนี้ประเทศเหล่านั้นกำลังมีอุตสาหกรรม Blockchain ที่เติบโตต่อเนื่อง

นาย Davidson ได้กล่าวถึงความสำคัญของร่างกฎหมายนี้ว่า:

“มันจะมีกฎหมายอื่น ๆ อีกตามหลังมา แต่ว่ากฎหมายนี้จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก ๆ ในการทำให้ตลาดดังกล่าวสามารถอยู่รอดได้ในสหรัฐฯ”

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีมาตรการที่ช่วยผู้คนในอุตสาหกรรมคริปโตอีกด้วย เช่นเรื่องภาษีในการซื้อ, ขาย หรือใช้งาน Cryptocurrency อีกด้วย

การที่มีนิยามของโทเคนที่ชัดเจนนั้นจะช่วยลดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในตอนนี้ผู้ออกกฎหมายไม่รู้จะพิจารณาว่ามันเป็นอะไรดี เลยกลายเป็นว่าส่วนอื่น ๆ นั้นก็ไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มที่เช่นกัน หากร่างได้รับการอนุมัติก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับวงการคริปโตเลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ประธานของก.ล.ต. สหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การระดมทุน ICO นั้นเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ แต่เขาก็เชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่นี้ ต้องมีกฎหมายหลักทรัพย์ตามไปควบคุม