<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เหมืองขุดขนาดใหญ่แห่งนี้ สามารถรับมือและยืนหยัดในตลาดขาลงได้อย่างไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตอนนี้ตลาดหมีได้ส่งผลกระทบกับนักขุดคริปโตเคอเรนซีในทุก ๆ ขนาดเป็นจำนวนมากอันเนื่องมาจากราคาของคริปโตเคอเรนซีนั้นตกลง ทำให้นักขุดหลายคนถอนตัวไปเพราะรายได้จากการขุดไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามช่วงเวลานี้ก็เป็นผลดีกับใครหลาย ๆ คนเช่นกัน ซึ่งซีอีโอของ Bitfarms ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในประเด็นนี้

Bitfarms กูเงินได้ 20 ล้านดอลลาร์

บริษัท Bitfarms ได้แจ้งนักลงทุนไปแล้วว่า ทางบริษัทได้ทำการกู้เงินมาถึง 20 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้ในการขยายบริษัท โดยบริษัท Dominion Capital ได้เป็นผู้สนับสนุนเงินกู้ดังกล่าว โดยมันจะถูกนำไปใช้พัฒนาส่วนต่าง ๆ เช่น อาคารสาธารณูปโภค และการซื้อฮาร์ดแวร์ ทั้งนี้เงินกู้ดังกล่าวมีอัตราดอกเบี้ย 10 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ Dominion จะได้ใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นมูลค่า 6.7 ล้าน เพื่อนำมาซื้อหุ้นสามัญของ Bitfarms ได้อีกด้วย

ตอนนี้ทางบริษัท Bitfarms บริหารฟาร์มขุดอยู่ 4 ฟาร์มด้วยกันในควิเบก ประเทศแคนาดาที่มีแรงขุดประมาณ 220 Ph/s และใช้ไฟฟ้าพลังน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด นอกจากนี้ Wes Fulford ซีอีโอของบริษัทยังกล่าวเสริมอีกว่า Bitfarms ได้ใช้รายได้ที่มาจากการจัดหาเงินกู้ไปเพื่อสร้างศูนย์การจัดการใหม่ที่เมือง Sherbrooke ของควิเบก และซื้อ ASICs รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง

ตลาดขาลงไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งความท้าทาย แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสอีกด้วย

ถึงแม้ว่าตลาดหมีจะส่งผลเสียในด้านต่าง ๆ แต่ก็ยังเปิดโอกาสอันดีให้กับนักขุดรายใหญ่อีกด้วย รวมถึงราคาของฮาร์ดแวร์ที่ถูกลง และการกำจัดคู่แข่งที่ต้องอาศัยไฟฟ้าที่แพงกว่า อีกทั้งยังเป็นการป้องกันนักขุดรายใหม่ที่จะเข้ามาในธุรกิจนี้อีกด้วย หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า crypto winter ช่วยเคลียร์ทางเดินธุรกิจให้นักขุดรายใหญ่โดยพวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย

ซีอีโอของ Bitfarms กล่าวว่า ณ ตอนนี้เป็นเวลาที่ท้าทายมากสำหรับนักขุดที่จะทำกำไรให้ได้

เนื่องด้วยราคาของ bitcoin ที่ตกลง และค่าความยากในการกด bitcoin ในปัจจุบัน ทำให้คนปิดเครื่องไป และเป็นเหตุให้แรงขุดนั้นหายไป 10 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้สูญเงินไปมากกว่า 0.068 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ ทั้งนี้การวิเคราะห์นี้ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ และถึงแม้ว่าราคา bitcoin จะตกลง แต่ในปี 2561 เราก็ได้เห็นถึงการเติบโตของอัตราแรงขุดที่เพิ่มมากขึ้น

Fulford กล่าวว่าปลายปี 2560 และช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา นักขุดหลายรายต้องซื้อฮาร์ดแวร์ในราคาที่แพงมาก และเนื่องด้วยราคา bitcoin ที่ตกลงและความยากในการขุดที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักขุดไม่สามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อฮาร์ดแวร์และไม่สามารถลงทุนต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมเกิดใหม่ทั้งหลายและ ในตลาดมักจะมีความผันผวนและหลายสิ่งหลายอย่างนั้นต้องใช้เวลาในการที่จะให้ธุรกิจนั้นอยู่ตัว เงินจากการลงทุนภายนอกนั้นจะถูกสงวนไว้กับโปรเจ็คที่ดำเนินการโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์เท่านั้น

ประธานบริษัทขุดได้เล็งเห็นถึงสัญญาณที่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาด โดยกล่าวว่า “ในเร็ว ๆ นี้ พวกเราอยากเห็นความเชื่อมโยงของราคาและค่าความยาก พวกเราอยากเห็นโอกาสในการลงทุนที่ชัดเจน และขยายธุรกิจของเราต่อไป”

ซีอีโอของ Bitfarms กล่าวว่า “พวกเราเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้ได้เปลี่ยนมือจากนักขุดที่ทำเป็นงานอดิเรกไปเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แล้ว และความเชื่อมโยงกันระหว่างราคาและค่าความยากก็ดูเหมือนจะคงที่แล้วด้วย พวกเราคาดหวังว่าอัตราแรงขุดจะเพิ่มขึ้นตลอดปี 2562 นี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึง bitcoin การเติบโตจะขึ้นอยู่กับแหล่งเงินทุนที่ไม่เพียงพอของการผลิตฮาร์ดแวร์ และการลงทุนต่าง ๆ”

ที่มา news.bitcoin

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น