นาย Emmanuel Delerm ผู้จัดการหัวหน้าโครงการ Blockchain ของบริษัท Carrefour ในประเทศฝรั่งเศษได้ออกมาเปิดเผยถึงการที่บริษัทได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้กับการติดตามสินค้ากว่า 20 ประเภทอย่างเช่นสินค้าจำพวกเนื้อสัตว์ นมสดและผลไม้ ตลอดเส้นทางจากฟาร์มไปจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ได้ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้อย่างมาก อีกทั้งยังมีแผนการเพิ่มสินค้ากว่าอีก 100 ชนิดลงในระบบโดยจะมุ่งไปที่สินค้าซึ่งลูกค้าต้องการความมั่นใจในที่มาที่ไปอย่างเช่นสินค้าเด็กอ่อนและสินค้าออแกนิกส์
นอกจากนี้การนเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศจีน ซึ่งเห็นได้จากการที่ผู้ซื้อเริ่มชินกับการสแกน QR Code มากขึ้นเรื่อยๆ และยังได้รับความนิยมในตลาดของประเทศฝั่งยุโรปอย่างประเทศฝรั่งเศษและประเทศอิตาลีเพิ่มมากขึ้นอีก โดยทางบริษัทยังได้มีการร่วมมือกับบริษัท Nestle เพื่อให้สินค้าของตนสามารถถูกตรวจสอบผ่านระบบดังกล่าวของบริษัทได้อีกด้วย
ระบบ QR Code ซึ่งสร้างบนเทคโนโลยี Blockchain ของ IBM นั้นช่วยให้ลูกค้าสามารถที่จะสแกนโค้ดดังกล่าวบนตัวสินค้าด้วยโทรศัพท์มือถือเพื่ออ่านรายละเอียดของสินค้าอย่างเช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต และเจ้าของสถานที่ผลิตไปจนถึงวันที่บรรจุ ระยะเวลาการขนส่งและวิธีการดูแลผลิตภัณฑ์
นาย Emmanuel Delerm ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
“ยอดขายของส้ม Citrus นั้นได้เพิ่มขึ้นเร็วกว่าในช่วงปีก่อนเป็นอย่างมากเนื่องจากการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ อีกทั้งเรายังสามรถเห็นความแตกต่างของยอดขายของไก่ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ และไก่ที่ขายแบบธรรมดาได้อีกด้วย”
เทคโนโลยีดังกล่าวได้สร้างปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “Halo Effect” ซึ่งเป็นกรณีที่ถ้าหากผู้ซื้อสินค้ามีความเชื่อมั่นในสินค้าชิ้นหนึ่งของบริษัท ย่อมมีแนวโน้มที่จะมั่นใจในตัวสินค้าอื่นๆของบริษัทด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับการติดตามสินค้านั้นยังคงมีอุปสรรคอยู่หลายประการเช่น การที่ผักและผลไม้นั้นได้รับการรวบรวมมาจากหลายฟาร์มและได้รับการขายส่งในปริมาณมากๆ อีกทั้งยังมีการต่อต้านเกิดขึ้นจากเกษตรกรบางส่วนซึ่งไม่ต้องการที่จะเปิดเผยข้อมูลมากเกินไปอีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น