ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 ที่ผ่านมานี้ Bitccoin มีการสวิงของราคาที่รุนแรงมาก ๆ ซึ่งมันเคยไปต่ำขนาดที่แตะ 3,400 ดอลลาร์ และก็เคยพุ่งไปสูงถึง 13,800 ดอลลาร์มาแล้ว
ในช่วงที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ Bitcoin เริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐานอีกครั้ง หลังจากที่ทะยานอย่างต่อเนื่องจนไปแตะยอด High ในรอบปีที่ระดับ 13,800 ดอลลาร์ได้ ซึ่งตอนนี้ มี CEO ของบริษัท Blockchain แห่งหนึ่งเชื่อว่า No-Deal Brexit (การที่อังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปทันที โดยไม่มีการต่อรอง) นั้นอาจเป็นตัวจุดประกายให้ Bitcoin ‘ทะยานอย่างคาดไม่ถึง’ ก็เป็นได้ เนื่องจากมันจะถูกตกเป็นเป้าความสนใจทางการเมือง
No-Deal Brexit อาจส่งผลดีกับ Bitcoin มากกว่าที่คิด?
ถึงแม้ Bitcoin จะถูกพิจารณาในหมู่นักลงทุนว่าเป็นสินทรัพย์ชนิดใหม่ แต่แน่นอนว่า เมื่อใดมีการเก็งกำไร เมื่อนั้นปัจจัยอย่างเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลกย่อมส่งผลต่อ Bitcoin ได้ทั้งสิ้น เนื่องจาก Bitcoin ก็สามารถถูกพิจารณาว่าเป็น Safe Heaven ได้เช่นเดียวกับทองคำและเงิน
และเมื่อพูดถึงเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลกแล้ว ในตอนนี้ มีเหตุการณ์หนึ่งที่หลาย ๆ คนกำลังให้คนสนใจอยู่ก็คือ เหตุการณ์ Brexit ที่ประเทศอังกฤษตัดอาจจะตัดสินใจแยกตัวออกมาจากสหภาพยุโรปทำให้เกิดความวุ่นวายกระทบไปทั่วโลก
ล่าสุด อ้างอิงจาก The Independent นาย Nicholas Gregory CEO ของ CommerceBlock บริษัทด้าน Blockchain เชื่อว่า การ No-Deal Brexit นั้นจะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการทะยานครั้งต่อไปของ Bitcoin เนื่องจากมีนักลงทุนทยอยเข้ามา เพราะพิจารณา Bitcoin ว่าเป็นสินทรัพย์ Safe Heaven นั่นเอง
“ถึงแม้ Bitcoin จะสามารถกลับมาทะยานได้อีกครั้งในปีนี้ และมีขาขึ้นย่อย ๆ หลายครั้ง แต่ No-Deal Brexit นั้นอาจทำให้พวกเราเห็นการทะยานอย่างคาดไม่ถึงมาก็เป็นได้”
นาย Gregory เชื่อว่า ความวุ่นวายด้านการเมืองจะทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลกับระบบเศรษฐกิจ และอาจทำให้พวกเขาเริ่มหาทางออกสำหรับปัญหานี้ ซึ่งอาจเลือกที่จะเก็บมูลค่าของพวกเขาในรูปแบบของ Bitcoin แทนที่เงิน Fiat ก็เป็นได้:
“นอกจากการ No-deal ที่จะแยกตัวออกจาก EU สร้างความปั่นป่วนและความผันผวนให้กับเงิน Fiat มากมายหลายสุลแล้ว มันอาจจะทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยกับช่องโหว่ของระบบเงิน Fiat ระดับโลกด้วย”
อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์คนอื่น ๆ เผยเช่นกันว่า BItcoin นั้นยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะถูกพิจารณาว่าเป็น Safe Heaven เหมือนกับทองคำ เพราะการที่จะถูกพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ Safe Heaven ได้นั้น ราคาของสินทรัพย์นั้นจำเป็นที่จะต้อง ‘ไม่มีความสัมพันธ์’ ใด ๆ เกี่ยวโยงกับตลาดทั่ว ๆ ไปเลย ซึ่ง Bitcoin ยังไม่ได้พิสูจน์จุดนั้นได้ อาจจะเป็นเพราะมันยังมีอายุเพียงไม่กี่ปีก็เป็นได้
ในขณะที่สถานการณ์เกี่ยวกับ Brexit เริ่มคลี่คลายเรื่อย ๆ นักลงทุนและนักวิเคราะห์ก็จะได้ข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะค่อย ๆ ตัดสินใจได้ว่า Bitcoin นั้นพร้อมสำหรับการเก็บมูลค่าในกรณีฉุกเฉินอย่างวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเมืองหรือยัง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น