ดูเหมือนในตอนนี้เหรียญ XRP จะกลายเป็นเหรียญที่ทำกำไรได้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเหรียญที่มีมูลค่าตลาดท็อป 10 อันดับแรก โดยรายงานได้เผยว่าเหรียญ BCH นั้นก็เป็นอีกเหรียญที่ทำกำไรได้น้อยรองจาก XRP เนื่องจากราคามันร่วงกว่า 49% นับตั้งแต่ที่มันพุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาล ส่วน XRP นั้นร่วงกว่า 51% นับตั้งแต่ที่มันพุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาล
ในช่วงปี 2017 นั้น XRP เรียกได้ว่าเป็นลูกรักในอุตสาหกรรมคริปโต จนกระทั่งในปัจจุบันนี้แม้ว่า Ripple นั้นจะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับธนาคารหลายแห่งแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ราคา XRP ขยับตามไปด้วย
แม้กระทั่งการประชุม Swell ที่สังคมต่างคาดหวังให้มันเป็นแรงขับดันที่จะทำให้ราคา XRP พุ่งทะยาน มันก็กลับไม่เป็นเช่นนั้น ทำให้สังคมต่างก็งุนงงไปตาม ๆ กัน
ประเด็นสำคัญที่สังคมมองว่าสาเหตุของการที่ราคา XRP ไม่ขยับคือ Ripple นั้นจะมีการถอนเหรียญออกมาจากสัญญาฝากทรัพย์ escrow จำนวนมากเพื่อขาย XRP ซึ่งมันทำให้มีสภาพคล่องมากเกินไป ทำให้ราคา XRP นั้นซบเซา
อีกเหตุผลหนึ่งคือเรื่องของสถานการณ์ด้านกฎหมายเกี่ยวกับ XRP ซึ่งนักลงทุนหลาย ๆ คนก็สงสัยเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของ XRP
ส่วน Ripple Labs นั้นมีส่วนในการส่งเสริมการใช้งาน XRP อย่างมาก ตอนนี้มีพาร์ทเนอร์และลูกค้ากว่า 200 รายแล้วที่ใช้ RippleNet ในการโอนค่าต่าง ๆ รวมถึงการส่งเงินและอื่น ๆ
Ripple ยังมีสถาบันการวิจัยและพัฒนาด้วยซึ่งก็คือ Blockchain Research Initiative สำหรับมหาวิทยาลัย (UBRI) เมื่อเร็ว ๆ นี้มหาวิทยาลัยโตเกียวก็ร่วมเป็นพันธมิตรอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวใหม่อีกอย่างหนึ่งคือผลิตภัณฑ์ ODL ของ Ripple นั้นช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการส่งเงินเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการฝาก USD เข้าเว็บเทรด Bitstamp โดยใช้ XRP แต่หลัก ๆ ผู้เล่นหลักที่ใช้ ODL คือ Moneygram คิดเป็นประมาณ 10% ของการทำธุรกรรมทั้งหมดระหว่างเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ที่ทางบริษัทดำเนินการผ่าน ODL
Ripple นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในแง่ของการหาพาร์ทเนอร์และนำผลิตภัณฑ์ไปใช้งาน แต่การที่ราคา XRP นั้นไม่เพิ่มขึ้นตามไม่ด้วยนั้นไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ซึ่งทาง Ripple ก็ได้ออกมากล่าวด้วยว่าโฟกัสในประเด็นนี้และมองไปที่ระยะยาวมากกว่า
ที่มา : coinspeaker
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น