<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ธนาคารกลางจากแคนาดา , เนเธอร์แลนด์, ยูเครนชี้ Blockchain ไม่จำเป็นสำหรับสร้าง Cryptocurrency เอง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตัวแทนของธนาคารกลางทั่วโลกกำลังหารือเกี่ยวกับโปรเจค CBDC ของพวกเขาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เมือง Kyiv ประเทศยูเครน งานประชุมนี้ถูกจัดขึ้นโดยธนาคารแห่งชาติของยูเครนหรือที่เราเรียกว่า NBU ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกโปรเจค CBDC ในช่วงปี 2018 

การอภิปรายนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกทั้งสองแห่ง (จีนกับสหรัฐ) ต่างก็เริ่มสำรวจความเป็นไปได้ในการออกเหรียญ CBDC อย่างจริงจัง 

อ้างอิงจากรายงานที่เผยแพร่ในเดือนกันยายนว่า ทาง NBU กำลังสำรวจความคิดที่จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขาในชื่อ ‘e-Hryvnia’ และกำลังมีการทดสอบโทเค็นดิจิทัลที่ทำงานด้วยการ Fork หรือถูกดัดแปลงมาจาก Stellar blockchain 

การทดสอบในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า “ไม่มีข้อได้เปรียบพื้นฐานใด ๆ ในการใช้ DLT [เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย] เพื่อสร้างระบบ e-hryvnia สำหรับส่วนกลาง” 

ไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยี Blockchain

ความสงสัยในบัญชีแยกประเภทที่ส่งต่อไปหานาย Hartinger จากประเทศเนเธอร์แลนด์และแคนาดา ณ ที่ประชุม Kyiv

“สาระสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานของ DLT ก็คือไม่ควรมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เราสามารถเชื่อใจได้ เราไม่ควรเชื่อใจเฉพาะแค่ธนาคารกลางให้เก็บรักษาบัญชีแยกประเภทของทั่วโลกเอาไว้” นาย Harro Boven ที่ปรึกษานโยบายในแผนกนโยบายการชำระเงินของธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์กล่าว 

ในขณะเดียวกันนาย Scott Hendry ผู้อำนวยการอาวุโสของ fintech ที่ Bank of Canada ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ Jasper (ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Corda DLT ของ R3) เมื่อปีที่แล้วกล่าวว่า “คุณไม่จำเป็นต้องใช้ DLT เพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง”

“ระบบ decentralized ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก เมื่อเทียบกับระบบ DLT และระบบ centralized ที่มีประสิทธิภาพในปัจจุบัน ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวก็คือ การชำระเงินระหว่างธนาคาร” นาย Hendry กล่าว

แล้วทำไมธนาคารกลางถึงต้องสร้างสกุลเงินดิจิทัล ?

สำหรับเหตุผลหลัก ๆ ของการสร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางเลยก็คือ การมาของโปรเจค ‘Libra’ ของ Facebook โดยนาย Jamiel Sheikh ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษา Chainhouse กล่าวว่า

“ยุคของระบบการเงินส่วนตัวนั้นอยู่ที่นี่แล้วและเป็นมันสิ่งที่พวกเขาจะต้องตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากมันเป็นภัยคุกคามที่อาจก่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ได้” นาย Jamiel Sheikh กล่าว

ในขณะเดียวกันนาย Hartinger ก็ได้ชี้ไปที่สถานการณ์การแข่งขันที่ผิดปกติของหลาย ๆ ประเทศ เขากล่าวว่า :

“ธนาคารกลางเล็งเห็นว่าบริษัท Big Tech ที่หนุนหลังโปรเจค Libra นั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งทำให้พวกเขามองเห็นช่องทางของการออกสกุลเงินดิจิทัลและตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ว่าใครจะเป็นผู้มีอภิสิทธิ์ในการออกสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งพวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่ว่ามันควรจะเป็นรัฐบาลหรือบริษัทเอกชน” 

“Libra เป็นสิ่งที่ปลุกให้เราตื่น และธนาคารกลางก็ได้รับคำท้าให้ทำการทดสอบสกุลดิจิทัล” นาย Harro Boven กล่าวในที่ประชุม

ที่มา : coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น