นาย Nicholas Merten นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังและผู้ก่อตั้ง DataDash เชื่อว่า Bitcoin อาจพุ่งทะยานแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ในวัฏจักรขาขึ้นรอบนี้
นาย Merten ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามูลค่าตลาดของคริปโตและ Defi นั้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก และยังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมาก
“ปัจจุบันตลาดคริปโตมีมูลค่าอยู่ที่ 346,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านล้านดอลลาร์ , ตลาดพันธบัตรรัฐบาลที่มีมูลค่าหลายสิบล้านล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นที่มีมูลค่ากว่าร้อยล้านล้านดอลลาร์”
นอกจากนี้นาย Merten ยังมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่เป็นไปตามกฎพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์อย่างแท้จริง ทั้งอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงกลไกการ Halving ในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ
“ผมเชื่อว่า Bitcoin จะเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะพื้นฐานเศรษฐศาสตร์ของ Bitcoin โดยรวมนั้นดูสมเหตุสมผล มันถูกใช้เป็นสินทรัพย์เก็บรักษามูลค่าและเราได้เห็นการ Halving ที่ช่วยลดอุปทานทั้งหมดลงครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้เรายังพบว่าผู้คนเริ่มเก็บสะสม Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกด้วย”
เนื่องจากนักเทรด Bitcoin ส่วนใหญ่มักใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อคาดการณ์ราคาในอนาคต ดังนั้น Merten จึงได้อ้างถึงโมเดลการทำนายราคา Stock-to-Flow (S2F) เพื่อเป็นการยืนยันว่าราคาของ Bitcoin อาจพุ่งสูงแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ในที่สุด
“หากเราดูตามวัฏจักรช่วงขาขึ้นของโมเดล S2F สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ หลังจากที่การ Halving เริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปี 2016 ราคาของ Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นจริงในเดือนกรกฎาคมปี 2017 ซึ่งโดยปกติแล้วตามโมเดล S2F ตลาดควรจะมีซื้อขายกันอยู่ที่ระดับ $ 5,000 หลังจากการ Halving จบลงได้ 1 ปี แต่มันมีความล่าช้าเกิดขึ้นไปจนถึงเดือนตุลาคม 2017 ก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ระดับ $20,000”
จากคำพูดของนาย Merten การตอบสนองที่ล่าช้าของราคา Bitcoin ตามโมเดล S2F แสดงให้เห็นว่า BTC มีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามวัฏจักรขาขึ้นแบบขยายตัว และมีโอกาสพุ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายของโมเดลที่ $ 100,000
“ผมคิดว่านี่จะทำให้เรามีช่วงซื้อขายที่สูงกว่าระดับ 100,000 ดอลลาร์หรืออาจถึง 150,000 ดอลลาร์ – 200,000 ดอลลาร์”
อย่างไรก็ตามราคาจะพุ่งไปถึงระดับ 200,000 ดอลลาร์ตามคำทำนายหรือไม่นั้นก็ยังไม่มีใครที่สามารถตอบได้และโมเดล S2F นั้นยังต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์กันอีกนาน
ที่มา : dailyhodl