ราคา Ethereum พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังตลาดคริปโตฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในรอบสัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ราคาของ ETH มีการซื้อขายอยู่ที่ 475 ดอลลาร์เพิ่มขึ้นกว่า 5% ใน 24 ชั่วโมง
ผลตอบแทนของ ETH เริ่มกลับมาแซงหน้า Bitcoin อีกครั้ง หลัง BTC มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 3% เท่านั้นในช่วง 24 ชั่วโมง
สินทรัพย์ทั้งสองได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงในหมู่นักลงทุน โดยข้อมูลตลาดระบุว่า หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสิ้นสุดลง นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจเกี่ยวกับนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตมากขึ้น
นาย Josh Rager นักวิเคราะห์คริปโตกล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจเริ่มขยับตัวสูงกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะปิดราคาเหนือระดับแนวรับที่สำคัญ เขากล่าวว่าหาก Ethereum สามารถเบรคทะลุเหนือระดับ $ 482 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญรายวันได้ มันก็มีโอกาสที่ราคาจะพุ่งขึ้นไปทดสอบระดับ $ 500 ต่อไป
ดังกราฟราคาด้านล่างแสดงให้เห็นว่า $ 482 คือแนวต้านรายวันที่ Ethereum ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดไปในช่วงฤดูร้อนก่อนที่จะร่วงลงอย่างรุนแรงไปสู่ระดับ $ 300
แนวโน้มตลาดยังคงบ่งชี้ว่ามีแรงขาย (ออเดอร์) มาบรรจบกันมากมายบนเว็บเทรดชั้นนำที่บริเวณ 480 ดอลลาร์ ซึ่ง Ethereum จะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปิดออเดอร์เหล่านี้ ก่อนที่จะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นต่อไป
เว็บกระดานเทรดคริปโตแห่ปิดการถอนเหรียญ ETH หลังผู้ให้บริการโครงข่าย Infura ระบบล่ม
ในช่วงเมื่อวานนี้มีรายงานว่าเครือข่ายประสบปัญหาข้อผิดพลาดของ Consensus เนื่องจากผู้ให้บริการบางรายยังคงใช้ไคลเอนต์ตัวเก่า นาย Changpeng Zhao “CZ” ซีอีโอของ Binance แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่าน Twitter ของเขาโดยระบุว่า :
“เว็บเทรดกำลังตรวจสอบการแยก Chian ของ Ethereum ที่บล็อกหมายเลข 11234873 โดยเราจะเห็นได้จากทางฝั่ง Etherscan และ Blockchain ที่กำลังแสดงข้อมูลเครือข่ายไม่ตรงกันสองรายการ หลังจากบล็อกนี้ เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อยู่ และได้ทำการสั่งระงับการถอนเหรียญชั่วคราว เพราะเงินคือ #SAFU”
ผู้คนในชุมชนกล่าวว่านี่เป็นตัวอย่างที่อันตรายสำหรับ Blockchain โดยนาย Nikita Zhavoronkov หัวหน้านักพัฒนาของ Blockchair แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า :
“ในความคิดของผม ความล้มเหลวของ Consensus บน #Ethereum ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ควรเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามและควรถือเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดที่ Ethereum เผชิญมาตั้งแต่การล่มสลายของ DAO เมื่อช่วง 4 ปีก่อน ควรมีการหาสาเหตุที่เกิดขึ้นตามลำดับ”