นาย Preston Pysh นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังและแฟนตัวยงของ Bitcoin เปิดเผยว่าเขาเชื่อว่าช่วงขาขึ้นแบบพาราโบลาของ Bitcoin จะยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้จนถึงระดับที่ 150,000 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม ก่อนที่มีการปรับฐานราคาครั้งใหญ่
ในพอดคาสต์ตอนล่าสุดที่มีชื่อว่า “What Bitcoin Did” นาย Pysh กล่าวว่า BTC จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของราคาในช่วงต้นปีนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่าเขาคาดว่า ช่วง Bullrun ที่กำลังจะมาถึงนี้จะ “เป็นมหากาพย์” ครั้งใหญ่ เนื่องจากเขาเชื่อว่าราคาระหว่างตอนนี้ถึงช่วงกลางเดือนเมษายน“ จะประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผู้คนคาดหวังไว้”
จากคำพูดของเขา บ่งชี้ให้เห็นว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่ Bitcoin จะ “กลับมาดำเนินการต่อในช่วงขาขึ้น เพราะทุกคนกำลังจ้องมองมันอยู่” เขากล่าวต่อว่าช่วง Bullrun ของ Bitcoin จะมีพลังรุนแรงเทียบได้กับช่วง Bull run ของ Tesla เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแบบดั้งเดิมจะมองดูช่วงขาขึ้น โดยคาดหวังว่ามันจะหยุดลงในสักวัน
จากกราฟราคา BTC/USD บนเว็บ TradingView Preston ได้เผยมุมมองการวิเคราะห์ของเขาว่าราคา Bitcoin นั้นจะมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด โดยกราฟแสดงให้เห็นถึงจุดการปรับฐานราคาที่รุนแรงและราคาที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาต่าง ๆ โดยราคา BTC จะพุ่งแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์ภายในกลางเดือนกรกฎาคม ก่อนที่จะลดลงเหลือน้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้
การพุ่งขึ้นครั้งแรกจะทำให้ Bitcoin พุ่งถึง 95,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการปรับฐานราคา โดย Pysh ชี้เห็นว่า BTC จะปรับฐานกลับลงมาอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ว่าราคา BTC จะมีการซื้อขายกันอยู่ที่ระหว่าง $ 80,000 ถึง $ 100,000 ไปจนกว่าจะถึงเหตุการณ์ Halving ในครั้งต่อไปและอาจได้ถึง $ 300,000
การคาดการณ์ราคา Bitcoin ที่เพิ่มสูงขึ้นของ Pysh ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากราคา BTC ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิเคราะห์ได้เปิดเผยว่าพวกเขากำลังจับตามองระดับราคาที่ $ 70,000 โดยมี $ 50,000 เป็นแนวต้านถัดไปสำหรับ Bitcoin
นักวิเคราะห์รวมถึงนาง Cathie Wood ผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ Ark Invest ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่าราคาของ Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 ดอลลาร์ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงการจัดสรรเงินทุนสำรองเป็น Bitcoin ของกลุ่มบริษัท S&P 500 ที่กำลังเตรียมที่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้