ดูเหมือนว่านักลงทุนจะกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งซื้อโทเค็น Casper (CSPR) จำนวน 800 ล้านเหรียญที่ราคา 0.015 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่งเปิดขายในรอบ Token sale ของเฟสแรกไปในช่วงเมื่อวานตอนเที่ยงคืน โดยโทเค็นดังกล่าวจะถูกล็อคเป็นเวลา 12 เดือน และผู้เข้าร่วมจะถูกจำกัดให้ซื้อโทเค็นได้อยู่ที่ระหว่าง $ 100 ถึง $ 1,000 ต่อคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่เลือกลงทุนแบบเต็มจำนวน 1,000 ดอลลาร์ พวกเขาจะมีสิทธิ์เข้าร่วมได้เพียงแค่ 12,000 คนเท่านั้น ซึ่งในขณะที่โทเค็นถูกขายไป 15% เราจะเห็นได้ว่ามีผู้เข้าคิวรอซื้อมากถึง 100,000 คนเลยทีเดียว
โดยนักลงทุนที่คาดหวังว่า พวกเขาจะมีสิทธิ์เข้าร่วมในการซื้อเหรียญ CSPR ของ Casper Labs บน CoinList กำลังอยู่ในภาวะช็อก เนื่องจากมีนักลงทุนจำนวนกว่า 100,000 รายที่เข้าคิวเข้าซื้อจนถึงขณะนี้
การเปิดขาย Token sale ของ Casper ได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้บน CoinList ที่ได้เปิดขายโทเค็น FLOW ของ Dapper Labs และมีผู้คนสนใจมากกว่า 12,000 คน
หลังจากได้รับการลงทะเบียนมากกว่า 100,000 ครั้งสำหรับข้อเสนอของ Casper ทาง CoinList จึงได้ทำการปรับลดขีดจำกัดในการซื้อและเพิ่มจำนวนโทเค็นที่จัดสรรให้กับแต่ละเฟส โดยการจัดสรรเฟสแรกได้จัดสรรเหรียญเพิ่มขึ้นจาก 400 ล้าน CSPR (4%) เป็น 800 ล้านโทเค็น หรือ 8% และปรับขีดจำกัดในการซื้อลงจาก 5,000 ดอลลาร์เหลือเพียง 1,000 ดอลลาร์
สำหรับการเปิดขายโทเค็นในเฟสที่สองนั้นจะเปิดตัวในวันที่ 25 มีนาคม โดยเปิดขายอยู่ที่ราคา 0.02 ดอลลาร์ต่อโทเค็น และจะมีการล็อคทั้งหมดเป็นเวลา 6 เดือน ในเฟสนี้ CoinList ได้ปรับเพิ่มอุปทานจาก 300 ล้านไปเป็น 400 ล้านและจำกัดการซื้อโทเค็นสูงสุดลงจาก 1 ล้านดอลลาร์ไปเป็น 250,000 ดอลลาร์
ในเฟสสุดท้ายของการขาย Token sale ผู้ซื้อจะสามารถซื้อขายโทเค็นได้อย่างอิสระ หลังจากครบ 40 วัน ในเฟสนี้ CoinList ได้ปรับเพิ่มอุปทานจาก 300 ล้านเป็น 400 ล้านโทเค็น และปรับขีดจำกัดในการซื้อลงจาก 30,000 ดอลลาร์เป็น 5,000 ดอลลาร์
Casper Labs ได้ประกาศว่าจะสร้างบล็อกเชนเป็นของตัวเองในเดือนเมษายนปี 2020 ซึ่งต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ทีมงานได้ประกาศว่าพวกเขาได้ร่วมมือกับเครือข่ายบริการ Blockchain ของจีนเพื่อทำให้แพลตฟอร์มสัญญา Smart contract นั้นพร้อมใช้งานสำหรับนักพัฒนาบน BSN
แม้จะมีความต้องการโทเค็น Casper ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่อดีตพนักงานคนหนึ่งกลับยื่นฟ้องต่อบริษัท CapserLabs โดยกล่าวหาว่าทีมงานนั้นได้พยายามโปรโมทโครงการที่เกินความเป็นจริง