ภายหลังจากที่ผู้ก่อตั้ง Cardano อย่างนาย Charles Hoskinson อดีตทหารม้าคนสำคัญของ Ethereum ได้เผยถึงช่วงเวลาที่จะมีการอัปเกรดเครือข่ายครั้งใหญ่ของ Cardano ที่มีชื่อว่า “Alonzo Mainnet” ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน ตามที่ทาง Siam Blockchain ได้รายงานไปเมื่อวันก่อน ทำให้นักวิเคราะห์และสาวกคริปโตต่างจับตามองเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากเป็นการรอคอยความคืบหน้าสำหรับโปรเจกต์ “Smart Contract” นี้กันมาอย่างยาวนาน
โดยล่าสุดที่ Cardano มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ไปนั้นมีชื่อว่า Mary Hard Fork ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลให้ราคาของเหรียญ ADA พุ่งทะยานทำ All Time High อย่างร้อนแรงที่ระดับ $2.47 ในเวลาต่อมา ก่อนที่สภาพตลาดคริปโตโดยรวมจะเข้าสู่สภาวะ Bearish
ใกล้แล้วสำหรับการเปิดตัว Smart Contract ของ Cardano
การอัปเกรด Alonzo ของ Cardano ที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้จะเป็นการอัปเกรดในเฟสที่ 3 (Goguen) จากทั้งหมด 5 เฟสของทาง IOHK องค์กรที่ดูแลและพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าว
ซึ่งในเฟส Goguen นี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการปล่อยตัว Smart Contract ของจริงให้ได้ใช้งานกัน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการปล่อย Testnet ออกมาให้ทดสอบกันไปแล้วในเฟสย่อยลงไปอย่าง Alonzo Blue และ Alonzo White เมื่อครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และในปัจจุบันอยู่ในเฟสของ Alonzo Purple ซึ่งเป็นเฟสที่สำคัญเช่นกันที่เปิดให้ผู้พัฒนา ทีมงาน โปรแกรมเมอร์ รวมถึงกระดานเทรด ทดลองใช้งานอย่างสาธารณะ ตาม Roadmap ที่ทาง IOHK ได้ประกาศไว้ผ่านทวิตเตอร์
และในเฟส Alonzo Purple นี้เองที่เรียกได้ว่าเป็นเฟสที่ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับ “Hard Fork Combinator Events” แม้ว่าจะยังเหลือการทดสอบเล็กน้อยในเฟส Alonzo Red และ Alonzo Black ที่ใช้ระยะเวลาไม่นานมากก็ตาม
การท้าชิงเจ้าแห่ง Smart Contract กับ Ethereum
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคู่แข่งคนสำคัญของ Cardano อย่าง Ethereum ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นกระบวนการ London Hard Fork ไปนั้น จะได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามและก้าวหน้าไปอีกขั้น จากการปรับค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายพร้อมกับการลดอุปทานของเหรียญ ETH อีกด้วย สิ่งนี้ยิ่งทำให้ Ethereum ยังคงครองความเป็นเจ้าแห่ง Smart Contract อย่างต่อเนื่อง
โดย Charles Hoskinson ได้ออกมากล่าวชื่นชมถึงการอัปเกรด London Hard Fork ของ Ethereum แต่ก็มิวายที่จะจิกกัดและยกว่า Cardano ของเขานั้นเจ๋งกว่า
“ความสำเร็จของ Ethereum นั้นไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยี แต่มันเกิดจากผู้คนที่เชื่อมั่นในตัว Vitalik และการสนับสนุนเงินทุนจำนวนมากจากองค์กรขนาดใหญ่”
พร้อมกับพูดถึงโปรเจกต์ของเขาในเอธิโอเปียที่จะสร้างระบบฐานข้อมูลของประชาชนทั้งประเทศกว่า 110 ล้านคนบันทึกลงบนบล็อกเชนของ Cardano ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้กล่าวว่าแม้ ETH 2.0 จะถูกปล่อยออกมา แต่เขายังเชื่อว่าโปรเจกต์ Cardano นั้นยังดีกว่า
ทิศทาง Cardano (ADA) ในอนาคตจะเป็นอย่างไร?
แน่นอนว่าการพุ่งขึ้นของราคา ADA จากต้นปีจนถึงปัจจุบันกว่า 700% เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าโปรเจกต์ของ Charles นั้นมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และการเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวการใช้งาน Smart Contract ออกมานั้น จะทำให้มูลค่าของเหรียญ Cardano (ADA) มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
อีกทั้ง Cardano เองก็จะกลายมาเป็นผู้เล่นสำคัญในแวดวง Smart Contract ที่พร้อมจะมาต่อกรกับ ผู้เล่นตัวฉกาจอย่าง Ethereum, BSC, Polkadot และ Solona เป็นต้น ซึ่งอาจจะทำให้ดึงดูดผู้ใช้งานย้ายมายังเครือข่ายนี้ได้ เช่นเดียวกันกับช่วงที่ BSC, Polkadot, Solona และเครือข่ายอื่น ๆ เข้ามามีบทบาทกันมากขึ้นภายหลังจากค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายของ Ethereum ได้เพิ่มสูงขึ้น
สุดท้ายนี้ต้องติดตามกันว่าตัว Mainnet ที่สาวกต่างเฝ้ารอนั้นจะถูกปล่อยออกมาให้เริ่มใช้งานจริงวันที่ไหร่ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าโปรเจกต์ของ Cardano นั้นมีแนวทางค่อยเป็นค่อยไป และมุ่งเน้นไปที่คุณภาพเสียมากกว่าความรวดเร็ว ดังนั้นทุกขั้นตอนการพัฒนาจึงมีการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันข้อบกพร่องในการใช้งานจริง
และนอกจากนี้มูลค่าของเหรียญอันดับ 5 ของตลาดคริปโตอย่าง ADA จะตอบสนองกับการอัปเกรดมากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดในการติดตามอย่างแท้จริง