ตามประกาศเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา มูลนิธิ Cardano ได้ประกาศความร่วมมือกับทาง Coinfirm ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีด้านกฎระเบียบ เพื่อปรับใช้นโยบาย AML/CFT เข้ากับเครือข่ายบล็อกเชนของ Cardano และโทเค็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เนื่องจากเครือข่าย Cardano นั้นเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับโครงสร้าง cryptocurrency ที่กำลังเจริญเติบโต ดังนั้นโปรเจกต์จึงมีความเป็นไปได้ที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง การโจรกรรม และการฟอกเงิน ซึ่งสิ่งนี้ได้กระตุ้นให้เกิดความกังวลจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีต่อเครือข่าย ด้วยเหตุผลนี้ Cardano จึงจำเป็นต้องสร้างความโปร่งใสเพื่อเอาใจหน่วยงานกำกับดูแล :
“นโยบาย AML/CFT เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม” นาย Mel McCann หัวหน้าฝ่ายการบูรณาการทางเทคนิคของมูลนิธิ Cardano กล่าว
“เครื่องมือและบริการที่ Coinfirm มอบให้นั้นจะทำให้กระดานแลกเปลี่ยน ผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ และบุคคลที่สามอื่น ๆ ทั้งหมดสามารถติดตามประวัติธุรกรรมของ Ada ที่ถือครองอยู่ในกระเป๋าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน”
แผนการในระยะยาวของ Cardano
เป้าหมายของ McCann ในเรื่อง “การผลักดันการยอมรับ” นั้นไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง Cardano มีความตั้งใจที่จะพัฒนาเครือข่ายใหญ่ให้กลายเป็นอับดับหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ โดยนาย Frederick Greggard ซีอีโอของมูลนิธิ Cardano คาดการณ์ว่าจะมีผู้คนกว่า 1 พันล้านคนที่หลั่งไหลเข้ามาในเครือข่ายภายในอีก 5 ปี
นอกจากนี้ เขายังวางแผนที่จะร่วมมือกับธนาคารอีกอย่างน้อย 50 แห่ง เพื่อช่วยให้ผู้ถือครองสามารถแปลงเหรียญ ADA ไปเป็นเงินสดในสถาบันเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
แน่นอนว่าเป้าหมายเหล่านี้อาจบรรลุผลสำเร็จได้ในที่สุด หากราคาของ ADA ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และล่าสุดดูเหมือนความนิยมของ Cardano บนสื่อโซเซียลมีเดียจะแซงหน้า Bitcoin ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย