<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทิศทางราคาบิทคอยเริ่มไม่แน่นอนหลังจากราคาทะลุจุด ATH

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จากนี้ไปราคาบิทคอยจะขึ้นหรือลง? ไม่มีใครสามารถตอบได้แน่อย่างแน่ชัด

หนึ่งวันหลังจากที่ราคาได้พุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแห่งใหม่ในประวัติศาสตร์นั้น ราคาก็ดูเหมือนจะเข้ามาสู่รูปแบบเดิมที่เราคุ้นเคยกันดี คือร่วงหนักและขึ้นราวกับรถไฟเหาะ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ๆคือความสำเร็จของบิทคอยที่ดูเหมือนว่าจะสามารถดึงสื่อเก่าๆอย่างทีวีและหนังสือพิมพ์ให้หันมาตีพิมพ์เกี่ยวกับเจ้าเหรียญตัวนี้ได้ ถึงแม้ว่าสื่อแต่ละแขนงจะนำเสนอตัวแปรที่ทำให้ราคาขึ้นแบบแตกต่างกันไปก็ตาม

Quartz หรือสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำเสนอเนื้อหาที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด โดยให้เครดิตกับทางสองพี่น้อง Winklevoss ที่เป็นผู้ริเริ่มบิทคอย ETF ขึ้นมา ในขณะที่ TechCrunch กลับอ้างถึงตลาดหุ้นที่มีส่วนทำให้ราคาบิทคอยขึ้น ส่วน Bloomberg ได้พูดถึงความเกี่ยวข้องกับนายโดนัล ทรัมป์

แต่ถึงกระนั้น ตัวแปรเหล่านี้รวมกันอาจเป็นตัวช่วยในการส่งผลให้ราคาขึ้นก็เป็นได้

โดยเมื่อวันสองวันก่อนนี้ราคาของบิทคอยได้ร่วงลงมาอย่างรุนแรงจนไปแตะพื้นที่ 1,100 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเด้งขึ้นมา

ในขณะที่รายงานข่าวบิทคอยอยู่นี้ ราคาของบิทคอยอยู่ที่ราวๆ 1,186 ดอลลาร์ซึ่งยังอยู่ต่ำกว่าจุด ATH เมื่อในปี 2013

ราคาเข้าสู่พื้นที่แห่งใหม่

บางทีการกล่าวว่าราคานั้นไร้ทิศทางก็อาจจะเกินไป

โดยก่อนหน้านี้ทาง CoinDesk ได้รายงานข่าวทางด้านการวิเคระาห์ราคาไปว่าราคานั้นจะมีความผันผวนอย่างรุนแรงมาก เมื่อทาง SEC ได้ทำการตัดสินว่าจะทำการอนุมัติกองทุนบิทคอย ETF ของสองพี่น้อง Winklevoss หรือไม่อย่างไร

โดยการประมาณสถานการคร่าวจะเป็นเช่นนี้ กล่าวคือถ้าหากทาง SEC อนุมัติบิทคอย ETF นั้น ราคาก็จะพุ่งขึ้นสูงไปอีก แต่ถ้าหากมันไม่ได้รับอนุมัตินั้น สถานการณ์ก็คงจะเป็นเหมือนกับที่เราทราบกันดี คือ “ซื้อตามข่าว ขายตามความจริง”

ถึงกระนั้น มันห็ยังมีตัวแปรอื่นๆอีก ซึ่งมันก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน นั่นก็คือจีนนั่นเอง

โดยในการสัมภาษณ์นั้น นักเทรดชาวจีนหลายๆคนนั้นกำลังไม่แน่ใจถึงความแน่นอนของบิทคอย แต่พวกเขาแน่ใจว่าทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนนั้นยังไงก็ต้องกลับมาอีกแน่นอน (โดยทาง PBoC นั้นได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของปี 2017 ร่างกฏข้อบังคับเกี่ยวกับเว็บเทรดบิทคอยในจีน)

นาย Kong Gao หรือผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ Richfund บริษัทที่ให้บริการเทรดบิทคอยสาย OTC ได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของทาง PBoC ที่อาจจะเป็นไปได้ว่า “ไม่มีใครรู้หรอก” แต่เขาแน่ใจว่าครั้งต่อไปนั้นจะน่ากลัวกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน

“ดูเหมือนว่าความพยายามของทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนในการเข้ามาควบคุมเว็บเทรดนั้นคือการลดราคาบิทคอยลง” เขากล่าว

ในขณะที่คนอื่นๆคาดว่าการที่เว็บเทรดบิทคอยในจีนส่วนใหญ่ระงับการถอนเป็นบิทคอยโดยจะกินเวลาไปจนถึงวันที่ 10 มีนาคมนั้นก็มีผลกระทบกับราคาเช่นกัน

ก้าวต่อไป

ในขณะเดียวกันนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาบิทคอยนั้นก็ได้สร้างความเชื่อมันให้กับนักวิเคราะห์ทางเทคนิคมากมายในการทำนายราคาให้แฟนๆและผู้ติดตามของพวกเขาที่ไม่กล้าตัดสินใจเทรดเอง

มีบริษัทบิทคอยหลายๆแห่งได้ออกมากล่าวว่าบิทคอยนั้นยังไม่สามารถจะเป็นค่าเงินแบบ safe haven เหมือนกับทองได้ เนื่องจากความผันผวนของราคาที่รุนแรงมาก

ในจังหวะนี้ ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างราคาบิทคอยและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจจะสามารถสรุปเทรนด์ของปี 2017 ที่แข็งแกร่งออกมาได้