บริษัท Everledger แห่งเมืองผู้ดีได้เซ็นสัญญาจับมือกับ IBM เพื่อพัฒนาระบบตรวจจับไวน์ปลอมที่ตั้งอยู่บนเทคโนโลยี บล็อกเชน
ณ ตอนนี้ผู้ผลิตไวน์ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีตรวจจับไวน์ปลอมด้วยการเช็คข้อมูลในกระดาษและใบรับรอง โดยระบบที่ว่านี้ประกอบไปด้วยการสแตมป์และลายเซ็นลงบนกระดาษเพื่อรับรองว่าไวน์ที่วางขายนั้นเป็นของจริง และบอกที่มาของผู้ผลิตได้
แต่อย่างไรก็ตาม การรับรองที่ว่านี้ต่างจากการรับรองของระบบ cryptographic ตรงที่ลายเซ็นที่เซ็นด้วยมือสามารถปลอมแปลงได้ไม่ยาก รวมถึงกระดาษและใบรับรองที่สามารถปลอมได้ง่ายโดยนักฉ้อโกงมืออาชีพก็ด้วยเช่นกัน
กว่าสองปีมาแล้ว นักวิเคราะห์ได้เผยให้เห็นว่ามากกว่า 20 เปอเซนต์ของไวน์ที่ถูกส่งออกไปขายทั่วโลกนั้นเป็นของปลอม โดยนักต้มตุ๋นสามารถที่จะปลอมได้ทั้งขวดและและงานออกแบบด้วยต้นทุนที่ถูก และส่งออกไปขายในราคาปกติ
หนังสือพิมพ์แห่งประเทศฝรั่งเศส Sud Ouest ได้รายงานถึงเคสการปลอมไวน์ขายอยู่สองสามเคส ที่ซึ่งเกิดขึ้นกับทั้งผู้ขายปลีกและขายส่ง ในขณะที่การปลอมไวน์ได้กลายเป็นเทรนด์ระดับประเทศที่สามารถทำเงินได้ถึงระดับพันล้านดอลลาร์ โดยการกระทำดั่งกล่าวอาจจะดึงดูดให้นักฉ้อโกงคนอื่นๆกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยก็ได้อันเนื่องมาจากต้นทุนที่ต่ำ บวกกับการทำเงินที่เร็ว
การที่จะทำให้วงการผู้ผลิตไวน์โปร่งใสตรวจสอบได้นั้น บริษัท Everledger ได้ใช้ระบบบล็อกเชนที่มีความสามารถในการเก็บข้อมูลได้ถึง 90 data point ต่อไวน์ 1 ขวดที่ผลิตโดยผู้ผลิต ซึ่งการจะแฮคหรือเจาะข้อมูลระบบที่ว่านี้เพื่อขโมยเอา cryptographic key หรือลายเซ็นออกมานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“เราได้สร้างระบบการป้องกันที่ว่านี้ให้กับไวน์ทุกขวด” กล่าวโดย นาย Leanne Kemp ผู้ก่อตั้งบริษัท Everledger “แถมระบบยังมีตัวเตือนภัยที่จะทำงานทันทีเมื่อมีการบุกเจาะระบบเข้ามา”
นาย Leoni Runge หัวหน้าฝ่ายไวน์แห่ง Everledger ยังได้ช่วยขยายความว่าโดยปกติแล้วผู้ตรวจสอบไวน์มักจะใช้วิธีการเปิดขวดเพื่อทดสอบดูว่าไวน์เป็นของแท้หรือไม่ แต่วิธีการดังกล่าวค่อนข้างที่จะไม่สะดวก เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่อยากให้เปิดขวดก่อนซื้อ
เนื่องจากว่าทุกวันนี้ไวน์ปลอมนั้นมีอยู่เกลื่อนแทบทุกที่อันเนื่องมาจากระบบ QC แบบเก่าในปัจจุบันที่ใช้กระดาษบวกกับลายเซ็น บวกกับการที่ผู้บรโภคไม่สะดวกที่จะให้ผู้ตรวจสอบไวน์มาตรวจไวน์ของพวกเขา นาย Leoni และทีมงานของ Everledger เชื่อว่าระบบบล็อกเชนสามารถที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในวงการผู้ผลิตไวน์นี้ได้
“นักสะสมไวน์ไม่อยากจะเปิดขวดไวน์ของพวกเขาเพื่อตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่ ดังนั้นเราจะต้องหาวิธีการอื่นมาช่วย และเทคโนโลยีบล็อกเชนก็สามารถช่วยให้เราจัดการระบบการบันทึกข้อมูลไวน์ได้เพื่อป้องการปลอมแปลงในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” กล่าวโดยนาย Leoni
ในการใช้ระบบบล็อกเชนที่ว่านี้จะช่วยบอกวันที่ผลิตที่แม่นยำ รวมไปถึงข้อมูลของผู้ถือครองไวน์คนก่อนหน้านี้ที่เก็บไว้แบบไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยเก็บข้อมูลในอดีตแบบละเอียดทุกๆข้อมูลไม่มีตกหล่น โดยผู้บริโภคสามารถที่จะตรวจสอบขั้นตอนการส่งไวน์ทั้งหมดได้ ตั้งแต่จากผู้ผลิตไวน์สู่ผู้ขาย และผูู้ขายสู่ผู้บริโภค
เมื่อระบบตรวจสอบไวน์ที่ว่านี้ถูกนำมาใช้งานในตลาดอย่างเป็นที่กว้างขวางแล้วนั้น ทางบริษัทมีแผนที่จะขยายเทคโนโลยีที่ว่านี้ไปสู่วงการภาพวาดและภาพเขียนเพื่อช่วยเหลือผู้ซื้อที่ต้องการจะตรวจว่าศิลปะที่เขาต้องการจะซื้อเป็นของแท้หรือไม่
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น