Erik Finman พนันกับพ่อแม่เขาไว้ว่าถ้าพออายุ 18 แล้วเขามีเงินล้านเมื่อไร เขาจะขอไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และการลงทุนที่ชาญฉลาดของเขาใน Bitcoin ก็ทำให้เขาไม่ต้องไปเป็นนักล่าปริญญา
“ผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า ผมประสบความสำเร็จ และผมจะไม่เรียนต่อ”
Finman กล่าว
ปัจจุบัน เขามี 403 BTC ด้วยมูลค่าปัจจุบันที่ $2,700 ทำให้เขามี Bitcoin มูลค่า $1.09 ล้านเหรียญอยู่ในครอบครอง เขายังมีเงินลงทุนบางส่วนที่ถูกแบ่งไปยัง cryptocurrency อืนๆ เช่น Litecoin และ Ethereum
Bitcoin มีความผันผวนสูง และมูลค่าสามารถลดลงแบบทิ้งดิ่งได้ นักวิเคราะห์บางคนกล่าวกับ CNBC ว่า เขาเชื่อว่า Bitcoin จะไปถึงได้แค่ $2800 แล้วก็จะตกลงมา ในขณะที่คนอื่นคาดการณ์ไว้ว่ามันจะมีค่าถึง $100,000
Finman เป็นหนึ่งในผู้ที่เชื่อว่า มันยังไปได้ไกลกว่านี้ “โดยส่วนตัว ผมคิดว่าในอนาคต Bitcoin จะมีค่า หลายแสน หรืออาจจะถึงหนึ่งล้านต่อหนึ่ง Bitcoin”
Bitcoin และ Blockchain ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถตัดคนกลางออกจากการทำธุรกรรมใดๆได้ Finman อธิบายเพิ่มเติมว่า บริการรับส่งด้วยรถยนต์ผ่าน Blockchain แบบ Uber ที่ใช้งานบน smartphone และมีการเชื่อมต่อกันแบบเครื่องต่อเครื่อง (peer-to-peer) ไปมาเป็นเครือข่ายใหญ่ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ผู้ขับต้องเสียจากการขึ้นตรงกับผู้ให้บริการที่เป็นคนกลาง และมันยังเป็นนวัตกรรมใหม่ของอินเตอร์เน็ตที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้เซอเวอร์กลาง เพราะทุกๆคนที่เข้าร่วมมาเพื่อสร้างเครือข่ายนี้ก็เปรียบเสมือนเซอเวอร์ที่เอาไว้ขับเคลื่อนบริการนี้
ครั้งแรกของเขา กับการเปลี่ยนเงิน $1,000 เป็น $100,000
Finman เริ่มลงทุนใน Bitcoin เมื่อพฤษภาคมปี 2011 เมื่อเขาอายุ 12 ปี ต้องขอบคุณเงินจำนวน $1,000 ที่คุณยายของเขาเคยมอบไว้เป็นของขวัญ ประกอบกับเงินจำนวนหนึ่งจาก Scott พี่ชายของเขา
ถึงแม้เขาจะใกล้ชิดกับครอบครัวก็ตาม แต่การใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆใน Idaho ที่ชานเมือง Coeur d’Alene นั้นมันไม่ง่ายเลย Finman เจอปัญหาหนักกับครูมัธยมที่เขาต้องเจอ และเขาขอร้องให้พ่อแม่ยอมให้เขาลาออกจากโรงเรียนมัธยมตอนเขาอายุ 15
“โรงเรียนของผมมีคุณภาพที่ค่อนข้างต่ำ” เขากล่าว “ครูที่นี่แย่มาก มีครูคนหนึ่งบอกผมว่า เธอน่าจะลาออกไปซะ แล้วไปทำงานที่ McDonald เพราะมันน่าจะเหมาะกับคนอย่างผมที่สุดแล้ว ซึ่งอันที่จริงผมก็ลาออกมาจริงๆตามที่ครูแนะนำเหมือนกัน”
พ่อแม่ของเขาที่กำลังเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย Stanford อยู่นั้น เห็นด้วยกับการลงทุนของ Finman ซึ่งเขาขาย Bitcoin ก้อนแรกไปในช่วงปลายปี 2013 ตอนนั้นราคาอยู่ที่ $1,200
ด้วยเงิน $100,000 Finman ได้จัดตั้งบริษัทเกี่ยวกับการศึกษาออนไลน์ที่ชื่อว่า Botangle ในช่วงต้นปี 2014 เป้าหมายคือเพื่อช่วยเด็กนักเรียนที่เจอชะตากรรมเดียวกับเขาในการหาครูที่ดี และครูที่ใช่ผ่าน video chat เขายังเอาเงินบางส่วนเพื่อย้ายไปอยู่ที่ Silicon Valley และไปทำอะไรสนุกๆอย่างเช่น การไปหา Alexis Ohanian หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Reddit รวมถึงเอาเงินนั้นไปใช้ในการท่องเที่ยว
“ผมชอบประเทศ Colombia มาก” เขาบอก “มันสนุกมาก แต่น่ากลัวหน่อยๆ มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นตอนไปเที่ยวที่นั่น คือ ผมเกือบต้องไปทิ้งชีวิตไว้ เพราะผมโดนคนหนึ่งเอาปืนมาจ่อหัวผม โชคดีที่ผมมีปุ่มฉุกเฉินที่ผมเซ็ตไว้ในโทรศัพท์ Android ของผมที่จะเปิด speaker phone แต่ปิดเสียงให้อัตโนมัติและมันจะโทรไปหาเบอร์ฉุกเฉินของประเทศนั้นๆ ทำให้ตำรวจจะได้ยินผม แต่ผู้ร้ายคนนี้ไม่รู้ตัว”
“ผมว่าผมจะสร้างแอปไว้เลย” เขาเสริม “มันมีประโยชน์ดี ผมว่า”
มันยากมากที่จะให้ผู้คนยอมรับในตัวนักธุรกิจวัย 15 ปีคนนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าเคยได้ไปสัมภาษณ์กับผู้บริหารระดับสูงของ Uber แล้วแทนที่ ผู้บริหารคนนี้จะฟังเขา กลับบอกว่าเขาจะแพ้ไอที่ผมพนันไว้กับพ่อแม่แน่นอน”
แต่ท้ายที่สุดก็มีคนที่จะยอมซื้อไอเดีย Botangle ของเขาเมื่อมกราคมปี 2015 นักลงทุนได้เสนอให้เขาว่า จะเอาเงิน $100,000 หรือ 300 Bitcoin ซึ่งตอนนั้นราคาตกไปเหลืออยู่แค่ $200 เท่านั้น แน่นอน เขาเลือก Bitcoin
“พ่อแม่ผมถามว่า ทำไมลูกไม่เลือกเงินสดที่มูลค่าสูงกว่าล่ะ?” Finman อธิบายว่า “เพราะผมคิดว่า มันถือเป็นการลงทุนไปด้วยในตัว”
นับตั้งแต่นั้นมา Finman บริหารครอบครัวของเขา และการลงทุนใน Bitcoin ของเขาด้วย เขามีงานรัดตัวอยู่เสมอกับโปรเจ็คมากมาย เช่น โครงการชื่อ ELaNa ที่เป็นการร่วมมือกับ NASA ในการปล่อยกระสวยอวกาศ แต่สิ่งหนึ่งแน่ๆที่เขาจะไม่ทำ คือ กลับไปเรียนหนังสือ
“ผมไม่เคยได้ใบจบ หรือวุฒิการศึกษา และผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีค่า” Finman กล่าว “เพราะกระดาษใบนั้นมันมีไว้แค่ให้เรียนได้สูงขึ้น และก็ให้ได้งาน สำหรับผม ผมต้องเรียนรู้ผ่านการทำธุรกิจ แทนที่จะเขียนเรียงความในคาบภาษาอังกฤษ ผมต้องเขียนอีเมลล์หาบุคคลสำคัญ”
ถึงแม้ทั้งครอบครัวของผมจะมีใบปริญญากันหมด พี่ชายของผม Scott ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Johns Hopkins ตอนอายุ 16 และตอนนี้ก็มีบริษัทซอฟต์แวร์เป็นของตัวเอง และพี่ชายของเขาอีกคนเข้ามหาวิทยาลัย Carnegie Melon ตอนอายุ 16 เช่นกันในสาขาหุ่นยนต์ และตอนนี้กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่ MIT ในขณะที่ตัวเขาเองกำลังมีความสุขกับการเรียนรู้ผ่านประสบกาณณ์จริง
“โครงสร้างของการศึกษาในปัจจุบันนี้ ผมบอกเลยว่าไม่เวิร์ค” Finman กล่าว “มันไม่เหมาะสำหรับใครเลย ผมแนะนำว่าให้คุณหันเข้าหาอินเตอร์เน็ต ทุกอย่างมันฟรีหมด คุณเรียนรู้ได้มากกว่าในโรงเรียนเป็นแสนเป็นล้านเท่า ผ่าน YouTube และ Wikipedia”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น