<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เงินดิจิตอล 6 สกุลที่น่าสนใจกว่า Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin ไม่ใช่แค่ผู้นำเทรนด์ของตลาดเงินดิจิตอลเท่านั้น มันยังเป็นมาตรฐานให้กับเงินดิจิตอลที่มีรูปแบบ Peer to Peer เงินดิจิตอลมากมายที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Bitcoin ซึ่งแต่ละอย่างก็ได้พัฒนารูปแบบของตัวเองจาก Bitcoin บางอันก็ขุดง่ายกว่า Bitcoin บางอันก็ซื้อขายง่ายกว่า รวมถึงความเสี่ยงที่มากกว่า การยอมรับมูลค่าและการเก็บรักษาก็ต่างกับไปโดยเราจะมาดูเงินดิจิตอล 6  สกุลที่ที่น่าสนใจเลือกจากกว่า 700 สกุล

1) Litecoin (LTC)

Litecoin เปิดตัวเมื่อปี 2011 ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลที่อยู่ในยุคแรกๆ โดยถ้า Bitcoin คือทองคำ litecoin คือแร่เงินมันถูกสร้างโดย Charlie Lee อดีตวิศวกร MIT จาก Google Litecoin เป็น opensource global payment network ที่ไม่ได้ถูกควบคุมจากตัวกลางใดๆ และใช้อัลกอริทึ่ม Scrypt สำหรับ proof of work ซึ่งสามารถขุดได้ด้วย CPU และเครื่อง asic ถึงแม้ว่า Litecoin จะเหมือน Bitcoin ในหลายๆด้าน แต่ว่ามันสร้าง Block ได้เร็วกว่ามากและทำธุรกรรมได้เร็วมาก ซึ่งก็มีร้านค้าที่รับ Litecoin มากขึ้นเรื่อยๆ

2) Ethereum (ETH)

เปิดตัวในปี 2015  Ethereum เป็น decentralized software platform ที่มีความสามารถอย่าง  Smart Contracts และ Distribute application หรือ DApp ที่สามารถรันได้โดยไม่มี ดาวไทม์  การโกง หรือถูกควบคุมโดยใครบางคน ในปี 2014 Ethereum ไดเเปิดระดมทุนด้วยการขาย Ether ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึงแอปฟลิเคชั่นบน Ethereum จะใช้เชื้อเพลิงที่เรียกว่า Ether ในการทำงานของ Platform และมีนักพัฒนามากมายที่สนใจจะสร้างและรันแอปพลิเคชั่นของพวกเค้าบน Ethereum โดย Ethereum นั้น จัดระเบียบ, Decentralized ,ทำให้การค้าปลอดภัย หลังจากการโดนโจมตี the DAO เมื่อปี 2016 Ethereum ได้แตกออกเป็น Ethereum (ETH) และ Ethereum Classic (ETC) โดยมันมีมูลค่าการตลาดถึง 4460 ล้าน ดอลล่าเป็นรองเพียง Bitcoin

3) Zcash (ZEC)

Zcash เป็นเงินดิจิตอลแบบ open source และ Decentralized ที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2016 โดยเปิดตัวว่า “ถ้า Bitcoin คือ http zcash คือ https” Zcash นั้นชูจุดเด่นเรื่อง ความปลอดภัยและโปรงใสของการทำธุรกรรม ก็เหมือน https Zcash กล่าวว่าได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมที่การทำธุรกรรมทั้งหมดจะอยู่ใน Blockchain แต่ข้อมูลผู้รับผู้ส่งรวมถึงจำนวนเงินนั้นจะถูกเก็บเป็นความลับ Zcash นั้นให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าผู้ใช้จะปิดข้อมูลธุรกรรมมั้ยโดยใช้เทคนิคของ zero knowledge proof ที่ชื่อว่า zk-Snark ซึ่งถูกพัฒนาจากทีมพัฒนา

4) Dash

Dash หรือชื่อเก่าคือ Darkcoin มันคือ Bitcoin มีความปลอดภัยมากขึ้น Dash นั้นนำเสนอการไม่เปิดเผยตัวตนที่ทำงานบน decentralized mastercode network ซึ่งทำให้การทำธุรกรรมนั้นแทบจะติดตามไม่ได้ โดยเปิดตัว 2014 Dash ได้นับความนิยมขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และมันถูกพัฒนาพัฒนาโดย Evan Duffied ซึ่งสามารถขุดโดย CPU และ GPU โดยในเดือน มีนาคม 2015 มันได้เปลี่ยนชื่อจาก Darkcoin เป็น Dash ซึ่งหมายถึงเงินสดดิจิตอล ซึ่งการเปลี่ยนชื่อไม่ได้มีการเปลี่ยนโครงสร้างอย่าง Darksend InstantX

5) Ripple (XRP)

Ripple คือ real-time global settlement network ที่นำเสนอ international payments ที่รวดเร็วต้นทุนต่ำ Ripple “ทำให้ธนาคารทำจ่ายเงินข้ามโลกแบบ Real time ด้วยความโปรงใสของ End to End และต้นทุนต่ำ”  โดยเปิดตัวในปี 2014 เงินสกุล Ripple มีมูลค่าการตลาดประมาณ 1.26 ล้าดอลลาร์  Ripple ใช้ระบบ consensus ledger  (ระบบบัญชีกระจายของ Blockchain ) ซึ่งการทำธุรกรรมของมันนั้นไม่ต้องใช้การขุด ซึ่งต่างจากเงินสกุลอื่นๆ เนื่องจาก Ripple ไม่มีการขุด มันจึงไม่ต้องใช้พลังประมวลผล และลดการติดขัดของเน็ตเวิร์ค Ripple เชื่อใน ”การกระจายคุณค่าเป็นวิธีที่มีดีที่สุดในการสร้างแรงจูงใจให้กับพฤติกรรมบางอย่าง” ซึ่งแผนของ XRP ตอนนี้คือ  “การพัฒนาธุรกิจให้จูงใจผู้ให้บริการในด้านสภาพคล่องการชำระเงินที่เข้มงวดมากขึ้นและขาย XRP ให้แก่ผู้ซื้อที่สนใจในการลงทุนใน XRP””

6) Monero (XMR)

Monero คือเงินสกุลที่มีความเป็นส่วนตัวปลอดภัยและติดตามไม่ได้ โดยเงินดิจิตอล open source นี้เปิดตัวในเดือนเมษายนปี 2014 และได้รับการสนใจจากคอมมูนิตี้อย่างล้นหลาม ซึ่งการพัฒนาเงินสกุลนี้ได้รับเงินทุนจากการบริจาคและคอมมูนิตี้ Menero เปิดตัวด้วยจุดเด่นที่แข็งแกร่งอย่างการ Scalability และ decentralization และมีความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘ring signature” ซึงจะรวม signature หลายๆอันลงในอันเดียว ซึ่งมันจะมีธุรกรรมหลายอัยอยู่ในนั้นจึงแยกไม่ออกว่าธุรกรรมคือธุกรรมไหน

สรุป

Bitcoin เป็นผู้นำของเงินดิจิตอลในด้านมูลค่าทางการตลาด โดยมีความนิยมสูง แต่เงินดิจิตอลอย่าง Ethereum และ Ripple นั้นถูกใช้ในองกรณ์ก็เริ่มมีความเป็นที่นิยมเช่นกัน ขณะที่เงินดิจิตอลอื่นๆก็มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมมาจาก Bitcoin ซึ่งเทรนตอนนี้เงินดิจิตอลยังไปได้ดี แต่ก็ขึ้นกับเวลาว่าใครจะเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่ได้นานสูงสุด

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น