<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

SegWit2x คืออะไร และมันมีผลกระทบต่อ Bitcoin มากน้อยขนาดไหน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่เดดไลน์ของของการปรับแก้ปัญหาการทำธุรกรรมล่าช้าของ Bitcoin นั้นใกล้เข้ามาทุกที กระนั้นในขณะนี้ก็มีอยู่ 1 ข้อเสนอที่เรียกว่า SegWit2x ที่ดูเหมือนว่าจะเรียกร้องความสนใจได้มากที่สุด

แผนการของโซลูชันนี้ถูกยื่นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และก็สามารถเอาชนะใจของบริษัทสตาร์ทอัพ Bitcoin และ pool ขุดไปมากมาย แต่ทว่ามันก็มาพร้อมกับข้อถกเถียงและการทะเลาะกันของคนในกลุ่มมากมาย โดยเฉพาะในด้านจุดประสงค์และทางด้านเทคนิค

แต่อะไรคือหัวใจหลักสำคัญของการโต้เถียงล่ะ?

เราต้องมาดูก่อนขั้นแรก SegWit2x ต้องการที่จะอัพเกรด Bitcoin ในสองลักษณะ

  1. พวกเขาจะนำเอาโค้ดของ Segragated Witness (SegWit) แบบดั้งเดิมมาปรับใช้ โดยจะเป็นการปรับเปลี่ยนวิธีเก็บข้อมูลในเครือข่าย
  2. พวกเขามีแผนการในการเพิ่มขนาดบล็อกใน blockchain ให้มีขนาด 2MB จากเดิม 1MB ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยจะทำการแก้ไขให้เสร็จสิ้นสามเดือนหลังจากการเปิดใช้ SegWit แล้ว

การพยายามทำความเข้าใจเจ้าข้อเสนอตัวนี้ให้ทะลุปรุโปร่งอาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไอเดียและเนื้อหาของมันมีศัพท์เทคนิคขั้นสูงรวมอยู่เยอะ รวมถึงข้อขัดแย้งกันของหลายๆฝ่าย (หรืออาจจะเรียกเรื่องส่วนตัวก็ไม่ผิด)

กระนั้น การดีเบตในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาของการออกแบบระบบเครือข่ายของ Bitcoin ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้

ซึ่งมันประกอบไปด้วย

  1. การประมวลผลธุรกรรมของ Bitcoin นั้นมีข้อจำกัด โดยในปัจจุบันมันสามารถประมวลผลขนาดธุรกรรมได้สูงสุดเพียงแค่ 1MB ในทุกๆ 10 นาที
  2. ซึ่งข้อจำกัดนี้เอง ส่งผลให้การโอน Bitcoin หากันนั้นมีความช้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีคนทั่วโลกโอนพร้อมกันเยอะๆ
  3. โดยมันส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เพราะนั่นจะทำให้ผู้ใช้งานคิดว่าการจ่ายค่าธรรมเนียม miner ที่สูงขึ้นจะช่วยทำให้ธุรกรรมของพวกเขาถูก confirm ได้เร็วขึ้น ทำให้ค่าธรรมเนียมมาตรฐานในบางครั้งสูงเกินกว่าที่มันควรจะเป็น
  4. การเพิ่มขนาดของบล็อกจะทำให้ node ในเครือข่ายต้องมีต้นทุนที่สูงขึ้นตาม เพราะนักขุดที่รัน node อยู่จะต้องเก็บข้อมูลของธุรกรรมบน Blockchain ทั้งหมดตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของการมี Bitcoin มาจนถึงปัจจุบัน

พื้นฐานของมัน

ถ้าจะกล่าวแบบง่ายๆนั้น SegWit2x ไม่ใช่ข้อเสนอตัวแรกที่ถูกเสนอออกมาเพื่อแก้ไขการ scaling ขนาดของธุรกรรม

กระนั้น SegWit2x นั้นมีข้อแตกต่างในบางจุดที่ไม่เหมือน SegWit ตัวต้นฉบับ ซึ่งมันประกอบไปด้วย

  • มันไม่ได้ถูกสนับสนุนโดยทางทีมนักพัฒนาหลักของ Bitcoin (Bitcoin Core Developers)
  • มันไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก เพราะมันเป็นการนำเอาไอเดียของ SegWit ที่มีอยู่มาปรับแต่งเพิ่มเติมนิดหน่อยแค่นั้น


ดังนั้น SegWit2x จึงมีส่วนประกอบดังนี้

  • SegWit ข้อเสนอดั้งเดิมที่ถูกเสนอร่างโดยหนึ่งในทีมนักพัฒนาหลักของ Bitcoin นามว่า Pieter Wuille เมื่อปลายปี 2015 โดย SegWit นั้นจะช่วยจัดการขนาดของธุรกรรมให้พอดีกับบล็อกแต่ละบล็อก โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของบล็อก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันจะช่วยแก้ไขปัญหา “ความอ่อนไหวต่อการทำธุรกรรม” (transaction malleability) หรือปัญหาที่ใครก็ได้สามารถเปลี่ยน unique ID ก่อนการคอนเฟิร์มธุรกรรมบนเครือข่าย โดยอาจทำให้เกิดการจ่ายสองที (double spent) ได้ โดยหากปัญหานี้ถูกขจัดออกไปได้ จะทำให้ศักยภาพของ Blockchain ดีขึ้นมามาก คุณสามารถอ่านข้อมูลเชิงเทคนิคได้ที่นี่และที่นี่ (ภาษาอังกฤษ)
  • การเพิ่มขนาดของบล็อก โดยการแก้ไขดังกล่าวก็ไม่มีอะไรมาก แค่อัพเดต rules ของซอฟต์แวร์ให้มีขนาดบล็อกเพิ่มขึ้นเป็น 2MB โดยก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามในการทำแบบนี้บน Bitcoin เวอร์ชั่นอื่นๆอย่าง Bitcoin XT, Bitcoin Classic และ Bitcoin Unlimited แต่ตอนหลังก็ตายจากไปกันหมด เนื่องจากไม่มีคนให้การสนับสนุน

SegWit นั้นถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งทางผู้ที่รัน node ตัวเต็มอยู่นั้นสามารถนำโค้ดไปใช้งานได้เลย แต่กระนั้น ข้อจำกัดทางเทคนิคที่ทำให้มันยังไม่เป็นที่นิยมมากก็คือการที่มันต้องการ mining pool มาทำการเปิดใช้ รวมไปถึงการที่พวกเขายังลังเลที่จะแก้ไขมันด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง

SegWit2x นั้นกำลังถูกติดตั้งใน testnet เพื่อทำการทดสอบในกลุ่มของสมาชิกนักพัฒนาที่จะแล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้ และจะเปิดให้ใช้งานในวันที่ 21 กรกฏาคม ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคม

ใครกำลังสนับสนุน และใครกำลังคัดค้าน?

ที่น่าสนใจคือ SegWit2x นั้นมีผู้สนับสนุนรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สาย Bitcoin หลายๆบริษัท รวมถึงบุคคลธรรมดาทั่วไป โดยหากสังเกตดีๆแล้วนั้น กลุ่มผู้สนับสนุนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีความสนิทสนมกับนักพัฒนาอย่างมาก

โดยประกอบไปด้วย

  • พูลขุด Bitcoin ชื่อดังขนาดใหญ่หลายๆเจ้า
  • บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Coinbase, BitPay และ Blockchain
  • นักพัฒนาที่มีชื่อเสียงหลายๆคน รวมทั้งอดีตผู้ดูแล Bitcoin Core อย่าง Gavin Andresen

ลิสรายชื่อของผู้สนับสนุน SegWit2x สามารถหาอ่านได้ที่หน้าประกาศของ SegWit2x

กระนั้น ผู้ที่คัดค้าน SegWit2x ก็ประกอบไปด้วย

  • บริษัทบางบริษัท (มีทั้ง Bitrated และ Bitonic)
  • ผู้รัน node และผู้ใช้ Bitcoin ส่วนใหญ่
  • ทีมนักพัฒนา Bitcoin Core เกือบทุกคนที่มีหน้าที่ในการจัดการและดูแลซอฟต์แวร์

โดยอ้างอิงจากหน้าในหน้าบทความของ Bitcoin Wiki นั้นได้แสดงลิสต์รายชื่อของทั้งผู้สนับสนุน, ผู้คัดค้าน และผู้ที่ยังไม่ได้เลือกข้าง

มีความเสี่ยงอะไรบ้าง

หากมองไปในระยะยาวนั้น ผลลัพธ์ของ SegWit2x จะขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ใช้งาน Bitcoin ที่ท้ายสุดแล้วจะปรับตัวใช้มากน้อยขนาดไหน

ซึ่งเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในท้ายสุดอาจจะมีสองแบบ

  1. pool นักขุดที่ประกาศสนับสนุน SegWit2x ทั้งหมดจะปรับตัวตามโดยแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ และอาจจะมีจำนวนการเปิดของ SegWit แบบดั้งเดิมมาเปิดสู้ด้วยเช่นกัน
  2. ข้อเสนอนี้จะไม่ถูกสนับสนุน และท้ายสุดอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ domino effect ที่จะลงเอยด้วยการแยกตัวออกเป็น Bitcoin และ Bitcoin 2

ซึ่งก็เหมือนๆกับที่ผ่านๆมา ท้ายสุดผู้ใช้งานแต่ละคนก็มีความคิดและการกระทำที่แตกต่างกันไป โดยพวกเขาสามารถที่จะตัดสินใจเลือกได้ว่าอะไรดีกว่าอะไร บางทีการไปยึดติดกับไอเดียมากเกินไปนั้นก็ไม่ดี โดย SegWit2x นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อเสนอเดียวที่ถูกเสนอ แต่ยังมีข้อเสนออื่นๆที่ถูกเสนอด้วยผู้อื่นอีกหลายตัวที่กำลังจะถูกแนะนำมาในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้

SegWit2x นั้นกำลังแข่งกับข้อเสนออีกตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า BIP 148


นักพัฒนาหลายๆคนกำลังพยายามทำให้สองตัวนี้สามารถรองรับการใช้งานกันได้ ดังนั้นถ้ามี pool ขุดหลายๆ pool ที่ให้การสนับสนุน SegWit2x ก่อนวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้ Bitcoin ก็จะมีโอกาสไม่ถูกแบ่งแยกเป็นสองตัวสูง แต่กระนั้น หากไม่มีผู้สนับสนุน SegWit2x ที่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้มีการเปิดใช้ BIP 148 แทน และก็จะทำให้เกิด Hard fork ขึ้น

และการแยกตัวกันออกมาเป็นสองเหรียญคือสิ่งที่ผู้ใช้งาน Bitcoin หลายๆคนกังวล จนทำให้พวกเขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับ SegWit2x ลองดูหนึ่งในเหตุการณ์ด้านล่างที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน Bitcoin ทั่วไปแบบโดยตรง

  1. หากมีการสนับสนุน SegWit2x ที่เพียงพอ และมันได้ทำการเปิดใช้นั้น ทางผู้ใช้งาน Bitcoin อาจไม่ต้องพบกับการแยกตัว
  2. หากไม่มีการสนับสนุนที่เพียงพอนั้น เหรียญ Bitcoin ก็จะแยกตัวออกเป็นสองเหรียญ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ Bitcoin เกิดความเสี่ยงที่จะสูญเสีย Bitcoin โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้าน cryptocurrency นั้นได้ออกมาเตือนว่าไม่ควรทำธุรกรรม Bitcoin ในช่วงวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้

อีกหนึ่งปัญหาระยะยาวก็คือผู้ใช้งาน Bitcoin ทุกคนต้องทำการอัพเกรดซอฟต์แวร์ของพวกเขาเพื่อให้รองรับ hard fork ของบล็อกขนาด 2MB ของ SegWit2x มิเช่นนั้นเหรียญมันจะเปลี่ยนกลายเป็นคนละเหรียญและทำให้ใช้งานไม่ได้

รายละเอียดการ scaling ของ SegWit2x นั้นสามารถอ่านได้บนเว็บ Bitcoin Magazine

แล้วคุณจะติดตามสถานการณ์ SegWit2x ได้อย่างไร?

เมื่อโคดของ SegWit2x จะถูกนำขึ้นมาทดสอบในวันพรุ่งนี้ และช่วงเวลาการปรับใช้จะเริ่มขึ้นวันที่ 21 กรกฎาคมนี้นั้น มันอาจจะเป็นเรื่องดีที่ผู้ใช้ Bitcoin ทุกคนที่จะจับตาดูสถานการณ์นี้ให้ดี

โดยที่ๆคุณสามารถติดตามสถานการณ์ได้มีดังนี้

ลิสอีเมล์ของ SegWit2x สามารถดูได้ที่นี่ (แม้จะเป็นสาธารณะ แต่มีเพียงแค่สมาชิกเท่านั้นที่สามารถโพสข้อมูลได้) อีกทั้งยังมีการติดตั้งโค้ดของ SegWit2x นามว่า BTC1 ที่สามารถอ่านได้ที่นี่

สมาชิกของกลุ่มสามารถตรวจดูว่าปัจจุบันมี node ทั้งหมดกี่ตัวแล้วที่รัน SegWit2x อยู่ได้ที่นี่ และปัจจุบันมี pool ขุด Bitcoin กี่ตัวที่สนับสนุนได้ที่นี่

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น