โดยการอนุญาตให้ผู้ใช้งานบางคนเปลี่ยนมาใช้ node หลักของ Trezor มาเป็น UASF/BIP148 node นั้น ผู้ใช้งานบางคนเริ่มมอง Trezor ว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุน BIP148 แต่กระนั้น ทาง Trezor ก็ไม่ได้ทำการประกาศอะไรมากนักเกี่ยวกับการสนับสนุน BIP148 พวกเขาทำตัวเป็นแค่บริษัทผู้ผลิตกระเป๋า Bitcoin แบบ hardware ที่พร้อมจะปรับตัวตามอนาคตก็เท่านั้น
โดยกระเป๋า Bitcoin ของทาง Trezor นั้นรองรับ SegWit, สกุลเงินคริปโตหลายๆสกุล และการเก็บ Bitcoin แบบไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เนต ด้วยการเปิดใช้งาน BIP148 node นั้นทางผู้ใช้งานสามารถที่จะเลือกตัวเลือกในการสลับเปลี่ยน node ในการเก็บ Bitcoin ของพวกเขา โดยหนึ่งในตัวเลือกนั้นก็คือ User Activated Soft Fork หรือ BIP148 เพื่อรองรับเหตุการณ์การ 1 สิงหาคมที่จะมาถึง เมื่อไม่นานมานี้นักลงทุนขุดเหรียญคริปโตที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งนามว่า Slush ได้ออกมา retweet ข้อความจาก Trezor พร้อมกับใส่แคปชันว่า “ตัวเลือกนั้นเป็นของคุณแล้ว”
#UASF on https://t.co/lsn6Xi3mVX. It’s up to you now. pic.twitter.com/f9mwCfj5ZK
— slush (@slushcz) July 4, 2017
ในการดีเบตของการ scaling ของ Bitcoin นั้น ผู้ใช้งาน Bitcoin หลายๆคนได้ออกเรียกร้องให้บริษัทต่างๆออกมาเลือกข้างว่าจะอยู่ข้างไหน ซึ่งหลายๆบริษัทนั้นก็ได้ออกมาเลือกข้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่น่าสนใจการเลือกจุดยืนทางเทคนิคที่ว่านี้ของบางบริษัทนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจของพวกเขา แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่อาจจะขัดใจของผู้ใช้ Bitcoin หลายๆคนได้ ดังนั้นมันจึงอาจเป็นเรื่องที่อาจต้องแก้ปัญหาโดยการเหยียบเรือสองแคม โดย Trezor ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเลือกข้าง แต่เขาก็ได้ทำการทำให้ผลิภัณฑ์ของพวกเขารองรับได้ทั้งเทคโนโลยีใหม่และเก่า
เป็นเรื่องโชคดีของพวกเขาที่ปฏิกิริยาตอบสนองของหนึ่งในผู้ใช้งานบน Reddit ถูกโพสขึ้นมาด้วยความโมโหและรำคาญเนื่องมาจากการแตกแยกออกเป็นสองฝ่ายของกลุ่มผู้ใช้งาน Bitcoin โดยกล่าวว่า
“ผมจะออกมาพูดเลยนะ ถ้าพวกคุณไม่หันกลับมาสามัคคีกันละก็ Bitcoin แม่งต้องถูกคู่แข่งแซงหน้าไปแน่ๆ คนที่มาก่อนแม่งก็ไม่ได้ได้เปรียบเสมอไปหรอก ถ้าพวกเอ็งเอาแต่แยกตัวมาเถียงกันแบบนี้ เหรียญอันดับสอง, สาม, หรือสี่ก็สามารถที่จะแซงหน้า Bitcoin ไปได้ในระยะยาว หยุดทะเลาะกันได้แล้วแม่งเอ๊ย แล้วหันมาสามัคคีกันช่วยกันทำงานร่วมกันแก้ปัญหา ลองดู Litecoin สิว่าเค้าไปไกลขนาดไหนแล้ว โอนก็เร็ว SegWit ก็มี แล้วก็ไม่มีค่าธรรมเนียมอีก Litecoin ไม่ใช่ “น้องเล็ก” อีกต่อไปแล้ว แต่มันเป็นคู่แข่งตัวเอ้เลยแหละ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางผู้ใช้งาน Bitcoin ในกลุ่มนี้จะสามารถหันมาสามัคคีกันและทำงานร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย”
โดยข้อความดังกล่าวนั้นไม่ได้ถูกคัดค้านมากนักแต่อย่างใด มีเพียงแค่ 1 ความคิดเห็นที่บอกว่าใครๆก็สามารถถือ Litecoin คู่กับ Bitcoin ได้นี่นา
การดีเบตกันเรื่องการ scaling ของ Bitcoin ได้เปลี่ยนแปลงบริษัทหลายๆบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Bitcoin มากมาย รวมทั้ง Trezor ก็ด้วยเช่นกัน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น