<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ใครคือผู้สร้าง Bitcoin?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ทุกๆวันนี้ มีหลายๆคนที่รู้จักและเคยได้ยินเกี่ยวกับ Bitcoin แล้ว แต่อาจจะยังมีไม่มากที่จะรู้จักบิดาแห่ง Bitcoin ผู้นี้ว่าเป็นใคร

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 ซึ่งเป็นปีแห่งการเขียนโค้ดของเขา และหลังจากนั้นประมาณเดือนพฤศจิกายนปี 2008 นั้น whitepaper ฉบับหนึ่ง ก็ถูกโพสลงบน The Cryptography Mailing บน metzdown โดยโปรแกรมเมอร์ หรือกลุ่มนักโปรแกรมเมอร์ที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto โดย whitepaper ฉบับนั้นได้มีชื่อว่า “Bitcoin: A Peer-toPeer Electronic Cash System”

หลังจากนั้น Satoshi Nakamoto ได้ทำการทดลองและทดสอบซอฟต์แวร์ของ Bitcoin อีกหลายๆครั้งก่อนที่จะนำมาเผยแพร่สู่สาธารณะอย่างจริงจังในเดือนมกราคม ปี 2009 โดยวันที่ 3 มกราคมปีดังกล่าวนั้น ถือเป็นวันแรกของโลกที่บล็อกแรกของ Bitcoin ถูกขุดขึ้นมา ซึ่งถือเป็นวันที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของ Cryptocurrency เลยก็ว่าได้ ถัดมาอีก 6 วันหลังจากนั้น Satoshi Nakamoto ก็ได้ทำการอัพเดตเวอร์ชันของ Bitcoin ให้เป็นเวอร์ชัน 0.1 บน Sourceforge โดยมีการแก้บัคเล็กน้อย

Satoshi Nakamoto นั้นยังเป็นผู้สร้างเว็บ Bitcoin.org ที่เขาใช้เป็นสถานที่ๆพูดคุยและทำงานร่วมกับนักพัฒนาคนอื่นๆแบบไม่เปิดเผยตัวตน โดยการทำงานของเขานั้นจะผ่านอินเทอร์เนตตลอดและจะไม่มีใครสามารถรู้ตัวตนของเขาได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า Satoshi Nakamoto เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย หรือทั้งสองแบบกันแน่ จนกระทั่งสองปีให้หลัง เขาก็ประกาศขอโอนมอบตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนักพัฒนาให้กับ Gavin Andresen และยุติบทบาททุกอย่างที่เกี่ยวกับ Bitcoin ในเดือนธันวาคม ปี 2010

หลังจากนั้นในวันที่ 23 เมษายน 2011 Satoshi Nakamoto ก็กลับมาอีกครั้งด้วยการส่งอีเมล์หานักพัฒนาซอฟต์แวร์คนหนึ่งนามว่า Mike Hearnโดยกล่าวว่า “ในขณะนี้เราได้ไปทำอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้ Bitcoin อยู่ในการดูแลที่ดีของ Gavin และทุกๆคนแล้ว” หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาไปทำโครงการอะไรต่อ

แล้วมีใครอีกที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Bitcoin?

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มนักพัฒนาและผู้ใช้ Bitcoin ก็เริ่มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ โปรเจค Bitcoin Core นั้นเป็นโปรเจคที่ใหญ่ และมีนักพัฒนา, คนทดสอบ, คนประเมินระบบ และอื่นๆอีกมาก แต่กระนั้นโปรเจคดังกล่าวก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์หากขาดนักบำรุงรักษาที่คอยช่วยดูและแก้ไขและออกแพชมาอุดรอยรั่ว ซึ่งพวกเขามีนามว่า Wladimir J. van der Laan,Jonas Schnelli และ Marco Falke

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นหัวหน้าฝ่ายนักพัฒนา Bitcoin Core นั้น นาย Gavin Andresen เคยทำงานเป็นนักออกแบบโมเดล 3D มาก่อน และหลังจากนั้นในปี 2014 เขาก็ได้เข้ามาร่วมทำโปรเจคดังกล่าว

เมื่อได้รับเลือกให้มาสานต่อโครงการจาก Satoshi Nakamoto แล้วนั้น อีกสองปีถัดมาเขาก็ได้ก่อตั้ง Bitcoin Foundation เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาเหรียญ cryptocurrency ดังกล่าว และหลังจากนั้น การทำงานเป็นหัวหน้าของเขาก็สิ้นสุดลงในวันที่ 8 เมษายน 2014 เมื่อนาย Gavin ได้ส่งต่อตำแหน่งนี้ไปให้นาย Wladimir J. van der Laan

ในเดือนเมษายน 2013 นาย Jonas Schnelli ได้กลายเป็นอีกหนึ่งในกลุ่มนักพัฒนา Bitcoin Core และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทผู้ผลิต hardware wallet ของ Bitcoin นามว่า Digital Bitboxเขายังเป็นผู้สร้าง libbtc หรือ ไลบรารีของ Bitcoin (ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม) ที่เป็นภาษา C ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในเกือบๆจะทุก OS อีกด้วย



หนึ่งปีหลังจากนั้น นาย Wladimir ได้ออกมาประกาศว่าเขาได้รับ Marco Falke ให้มาเป็นหนึ่งในนักทดสอบระบบของ Bitcoin Core โดยเขายังได้กล่าวชมฝีมือของนาย Marco อีกด้วย

นักพัฒนาทุกๆคนก็อยากจะสร้างซอฟต์แวร์ที่มีความทันสมัย โดยทางนักพัฒนา Bitcoin Core นั้นได้ทำการทดสอบ และอัพเกรดระบบมาแล้วหลายครั้งนับไม่ถ้วนในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสำหรับผู้ใช้ Linux และ Qt, LevelDB,การทำ seeding nodes ผ่าน IRC และอื่นๆอีกมากมาย จากนั้นเมื่อมีการพัฒนา Bitcoin จนถึงเวอร์ชัน 0.9.0 พวกเขาก็เปลี่ยนชื่อมันให้กลายเป็น Bitcoin Core ซึ่งในขณะนี้เวอร์ชันล่าสุดของ Bitcoin คือ 0.14.2 อัพเดตเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2017

นักพัฒนาหลักนั้นมักจะทำเพื่อส่วนรวม โดยเขาอยากให้ Blockchain ของ Bitcoin นั้นมีความเป็นการกระจาย (decentralized) อย่างสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนั้นพวกเขายังมีความพยายามที่จะทำให้ซอฟต์แวร์นั้นมีความเสี่ยงต่ำ โดยงานและโคดของพวกเขาได้ถูกโพสไว้ให้ทุกๆคนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมและตรวจสอบได้ที่นี่

บุคคลจริงๆหรือแค่นิยาย?

Satoshi Nakamoto นั้นเคยอ้างว่าเขาเป็นชาวญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน ปี 1975 แต่สิ่งที่สร้างความขัดแย้งจนทำให้หลายๆคนออกมาตั้งข้อสงสัยคือการที่เขานั้นไม่เคยโพสงานของเขาออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเลย บวกกับการใช้งานภาษาอังกฤษได้อย่างเหมือนเจ้าของภาษา

ถ้าหากเราลองนำชื่อของเขามาแปลเป็นภาษาไทยนั้น จะแปลได้ว่า “ผู้ชาญฉลาดที่อยู่ในรากฐาน” โดย Satoshi แปลว่า “ชาญฉลาด” ในขณะที่คำว่า Naka แปลว่า “อยู่ใน” และ Moto ที่แปลว่า “รากฐาน”

แต่กระนั้น มันก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในการแปลเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายๆคนพยายามแปลชื่อของเขาอีกมาก ซึ่งสามารถอ่านได้ที่นี่ บางคนก็ใช้วิธีแปลและพรรณาที่แตกต่างกันไป โดยหนึ่งในนั้นคือ “ผู้ที่เกิดมาจากขี้เถ้า” ที่มาจากคำว่า Satoshi และ “จุดกำเนิดแห่งศูนย์รวม” จากคำว่า Nakamoto ซึ่งถ้าหากนำมาแปลรวมกันนั้นจะแปลได้ว่า “ผู้ที่เกิดมาจากขี้เถ้าแห่งจุดศูนย์รวม” แต่ก็อย่างที่ว่า ทั้งหมดนี้เป็นแค่การพรรณาเท่านั้น และชื่อของเขาอาจจะถูกตั้งขึ้นมาแบบมั่วๆก็ได้

จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าบิดาแห่ง Bitcoin คือใคร โดยเฉพาะเพศของเขาว่าเป็นหญิงหรือชาย หรืออาจจะเป็นคนกลุ่มหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็มีคนพยายามที่จะตั้งข้อสมมติฐานว่าบุคคลเหล่านี้อย่าง Charlie Lee หรือ Hal Finney และ Dorian Nakamoto อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi Nakamoto ก็เป็นได้ แต่กระนั้นมันก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด และพวกเขาเองนั้นก็ได้ออกมาปฏิเสธถึงสมมติฐานเหล่านี้

แม้ว่าจะยังไม่สามารถมีใครไขความลึกลับของบิดาแห่ง Bitcoin ออกได้ แต่งานของเขานั้นได้กลายเป็นผลงานระดับ masterpiece ที่สร้างประโยชน์ให้กับหลายๆคนบนโลกนี้ได้มากเลยทีเดียว

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น