ข่าวลือเกี่ยวกับบริษัทสตาร์ทอัพในวงการ Blockchain นั้นขาดทุนและทำกำไรได้ไม่มากได้ถูกลบล้างจนไม่เหลือซากด้วยเอกสารจากบริษัท Bitfury Group ที่สร้างผลประกอบการได้เป็นกอบเป็นกำจนสามารถที่จะทำให้พวกเขาสามารถไปแข่งขันกับบริษัทกระแสหลักในตลาดทั่วๆไปได้อย่างสบายๆ
ก่อตั้งในปี 2011 บริษัทสตาร์ทอัพดังกล่าวได้รับเงินทุนจาก VC (venture capitalist) และเริ่มต้นด้วยการเป็นบริษัทด้านการขุด Bitcoin และหลังจากนั้นก็ขยายกิจการไปเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์โดยหลังจากนั้นก็สร้างรายได้ประมาณ 93.7 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากเอกสารที่ CoinDesk ได้มานั้น อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้คิดเป็น 70% ต่อปี
โดยในจำนวนตัวเลขนั้น กำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 23.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอ้างอิงจากมาร์จิน 26%
บริษัท Bitfury ถูกก่อตั้งในเมืองอัมเสตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีออฟฟิซอยู่ใน San Fransisco, Washington DC, Riga, และฮ่องกง อีกทั้งยังระดมทุนจาก VC ได้มามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์แล้ว อ้างอิงจากเอกสารนั้น เงินทุนที่ได้มาในปีนี้มีมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์มากกว่าครั้งก่อน
เมื่อนำตัวเลขนี้มาเปรียบเทียบกับของบริษัทสตาร์ทอัพที่มีตัวเลขคล้ายๆกัน บริษัท Bitfury Group นั้นน่าจะเป็นบริษัทที่จัดอยู่ในหมวดบริษัทชื่อดังเลยก็ว่าได้
เมื่อปีที่แล้ว บริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็กนามว่า Kabbage ได้ทำรายได้ไปมากกว่า Bitfury Group นิดหน่อยที่ตัวเลข 97.4 ล้านดอลลาร์ แต่ทว่าบริษัทดังกล่าวได้เปรียบทางด้านเงินระดมทุนผ่าน equity funding มากกว่า โดยได้ไปที่ 239 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากลิสต์ของ Inc 500 ล่าสุด บริษัทด้านซอฟต์แวร์นามว่า Yext ที่เพิ่งจะเข้า IPO ไปเมื่อต้นปีนี้ สร้างรายได้น้อยกว่า Bitfury Group ซึ่งอยู่ที่ 89 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ได้รับเงินระดมทุนไป 117 ล้านดอลลาร์
รายได้ของบริษัท Bitfury Group นั้นส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมการขุด Bitcoin อีกทั้งบริษัทดังกล่าวยังได้ “สร้าง Bitcoin” ใหม่มาแล้วถึง 500,000 BTC ตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันจาก block reward ซึ่งหากนำทั้งหมดมาคิดเป็นราคาของ Bitcoin ในปัจจุบันก็จะคิดเป็นราวๆ 13 พันล้านดอลลาร์จากการขุด Bitcoin อย่างเดียวเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีหลักฐานว่า Bitcoin พวกนั้นถูกขายไปแล้วหรือยัง
เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายๆว่าการขุดของ Bitfury Group นั้นหากนำมาเปรียบเทียบกับของทั้งเครือข่าย Bitcoin ก็จะคิดเป็น 9% ของทั้งหมด ซึ่งตกลงมาจาก 11% จากเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตามหลังเบอร์หนึ่งอย่าง Bitmain ที่ 19% และเบอร์สอง F2Pool ที่ 12%
มองออกไปในอนาคต
หนึ่งในความสำเร็จของบริษัทที่ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาช่วยกันระดมทุนนั้นคือการวิเคราะห์และทำนายการโตของบริษัท และรวมไปถึงวงการ Blockchain ทั้งหมด
ที่เด่นๆก็คือ ทาง Bitfury Group นั้นได้ทำนายบริษัทตัวเองไว้ว่าจะสามารถสร้างรายได้ถึง 585 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2021
ดังนั้นรายอีกได้จำนวน 302 ล้านดอลลาร์ (52%) นั้นคาดว่าจะต้องมาจากการช่วยคอนเฟิร์มธุรกรรม Bitcoin (163 ล้านดอลลาร์) และรางวัล mining reward (139 ล้านดอลลาร์) รวมถึงอีก 217 ล้านดอลลาร์ (37%) นั้นจะต้องมาจากกลุ่มบุคคลที่สามรวมถึงการขายเครื่องขุด Blackbox และ 66 ล้านดอลลาร์ (11%) ก็จะมาจากธุรกิจแบบ b2b ทั่วไป โดยเฉพาะบริษัท Exonum ที่เป็นลูกค้าล่าสุดของพวกเขา
ซึ่งถ้าหากลองมองดูแล้ว รายได้หลักๆของบริษัท Bitfury Group นั้นมาจากการช่วยคอนเฟิร์มธุรกรรม Bitcoin เป็นเสียส่วนใหญ่
ทางบริษัทนั้นยังได้ทำนายว่าจะมีค่าธรรมเนียมธุรกรรม Bitcoin ถึงราวๆ 37 พันล้านดอลลาร์ภายในการทำ halving ครั้งหน้าที่จะถึงนี้
อย่าพูดคำว่าขุด
อย่างน้อยหากย้อนกลับไปในปี 2014 ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัท Bitfury Group นามว่า Valery Vavilov พยายามจะเปลี่ยนมุมมองที่คนทั่วไปมองบริษัทเขาว่าไม่ใช่บริษัท “ขุด” Bitcoin
โดยก่อนหน้านี้เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ CoinDesk โดยเขากล่าวว่าบริษัทของเขานั้นคือบริษัทที่โฟกัสทางด้าน “การค้นคว้าวิจัยช่วยให้มนุษยโลกได้มีพลังประมวลผลคอมพิวเตอร์ระดับสูงใช้”
ภายหลังจากการให้สัมภาษณ์ในปี 2014 นั้น บริษัทดังกล่าวได้มีพนักงานทำงานในบริษัทแล้วมากกว่า 250 คนจาก 70 คน อ้างอิงจากนาย Vavilov
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น