ตลาด Bitcoin ในประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นเบอร์หนึ่งด้านโวลลุ่มอีกครั้ง โดยล่าสุดครอบครองส่วนแบ่งการตลาดไปแล้วถึง 50.75 เปอร์เซ็นต์จากของทั่วโลก รองประธานของ BitFury นาม George Kikvadze ได้เผยให้เห็นโวลลุ่มการซื้อขายในตลาด Bitcoin ของประเทศญี่ปุ่นที่มีการพุ่งขึ้นอย่างมาก หลังจากนักเทรดจากในประเทศจีนต่างก็หนีออกมาเพื่อเอาตัวรอด
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทางรัฐบาลประเทศจีน โดยเฉพาะผู้ออกกฎหมายด้านการเงินได้ออกมาเรียกร้องให้ทางเว็บผู้ให้บริการซื้อขาย Bitcoin ในประเทศหยุดให้บริการ ทว่าเว็บ OKCoin และ Huobi ที่เป็นสองเว็บเทรดที่ใหญ่ที่สุดในจีนนั้นได้รับอนุญาตให้เปิดต่อได้ถึงวันที่ 30 ตุลาคม เนื่องจากว่าพวกเขามีลูกค้าที่มากกว่าเว็บอื่นๆ จึงต้องใช้เวลาในการจัดการคืนเงินให้กับลูกค้านานกว่า
แต่กระนั้น ดูเหมือนนักลงทุนเหรียญคริปโตในประเทศจีนจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของรัฐบาลจีน เมื่อโวลลุ่มการซื้อขาย Bitcoin แบบรายวันในตลาดจีนนั้นดูเหมือนว่าจะร่วงลงมาถึงครั้งหนึ่งภายในระยะเวลาแค่ 3 วัน จาก 15% เหลืออยู่เพียงแค่ต่ำกว่า 7%
โดยอ้างอิงข้อมูลจากเว็บผู้ให้บริการด้านตัวเลขสถิติของตลาด Bitcoin ที่เชื่อถือได้อย่างเช่น CryptoCompare นั้น ประเทศจีนมีโวลลุ่มการซื้อขาย Bitcoin อยู่เพียงแค่ 6.4% ของทั่วโลกเท่านั้น
CryptoCompare shows that Japan accounts for over 50% of all #bitcoin trades. Chinese traders have already moved to Japan. China less than 7% pic.twitter.com/t7YRaL5jv3
— Joseph Young (@iamjosephyoung) September 17, 2017
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ตลาดสหรัฐฯได้รับประโยชน์
ก่อนหน้าที่จะมีการแบนเว็บเทรดเกิดขึ้นในประเทศจีนนั้น ตลาดแลกเปลี่ยน Bitcoin ในประเทศสหรัฐอเมริกามักจะอยู่อันดับที่สามของโลกมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการประกาศออกมาจากทาง BTCC, Huobi และ OkCoin ออกมานั้น ทำให้นักเทรดได้ย้ายไปตลาดในประเทศญี่ปุ่นทันที ซึ่งโวลลุ่มที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะสั้นนั้นได้ส่งผลให้ตลาดอเมริกามีส่วนแบ่งตลาดขึ้นมาอยู่ที่สูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์จากทั่วโลกทันที
นาย Charlie Lee หรือบิดาแห่ง Litecoin และนาย Tim Draper หรือนักลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ได้ออกมาแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกับของนักวิเคราะห์อื่นๆธรรมดาๆทั่วไป โดยพวกเขามองว่าการประกาศปิดเว็บเทรดในประเทศจีนถือเป็นเรื่องดี ซึ่งนั่นหมายความว่าในอนาคตรัฐบาลจีนนั้นจะไม่สามารถที่จะออกมาปั่นราคาตลาดของ Bitcoin ได้อีกแล้ว แบบที่พวกเขาเคยทำเมื่อปี 2013
โดยเขากล่าวว่า
“นี่มันเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศจีนจะไม่สามารถปั่นตลาดโดยอ้างการแบน Bitcoin ได้อีก เหรียญ cryptocurrency ไม่สามารถถูกฆ่าได้ไม่ว่าจะรัฐบาลประเทศไหนก็ตาม วิธีการแก้ปัญหาเว็บเทรดที่มีความเป็น centralized คือการทำให้มันเป็น decentralized ผมได้ยินมาว่าทีม Decred Project กำลังซุ่มพัฒนาอะไรบางอย่างที่น่าจะช่วยแก้ปัญหานั้นได้”
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ตลาด Bitcoin มีความนิ่ง
ตามที่นาย Lee ได้กล่าวย้ำมา ว่าการแบนตลาดซื้อขาย Bitcoin ในจีนนั้นน่าจะส่งผลต่อ 10-15 เปอร์เซ็นต์ของนักเทรดทั่วโลก แต่กระนั้นนักลงทุนทั่วโลกส่วนใหญ่ก็ยังเทขาย Bitcoin กันอยู่ดีเมื่อตอนที่มีข่าวออกมา
หลายๆคนเชื่อว่าในเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ตลาด Bitcoin ทั่วโลกจะเริ่มมีความนิ่งมากขึ้น เมื่อนักเทรดจากประเทศจีนได้ทำการย้ายไปเทรดในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นสองตลาดที่มีสภาพแวดล้อมด้านกฎหมายมารองรับเป็นอย่างดี
สรุปก็คือ มันอาจจะเป็นไปตามที่นาย Lee และ Draper ได้ออกมากล่าวไว้ว่าการปิดเว็บเทรดในประเทศจีนนั้น จะทำให้ Bitcoin ทั่วโลกมีความเสถียรและนิ่งมากขึ้น ซึ่งจะถือเป็นผลดีกับเหรียญ cryptocurrency ในระยะยาว
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น