ราคาของ Litecoin ร่วงลงมาถึง 11% จากเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการตกของราคาที่หนักที่สุด หากนับจากการฟื้นตัวของราคาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาของ Litecoin ร่วงทะลุแนวรับที่ 50 ดอลลาร์
เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่ตลาดเหรียญ crpytocurrency สร้างจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ในด้านราคาและมูลค่าตลาดรวม โดยในช่วงวันที่ 1 ถึง 31 สิงหาคมนั้น ราคา Litecoin พุ่งขึ้นจาก 43 ดอลลาร์สู่ 64 ดอลลาร์ ซึ่งการเพิ่มขึ้นถึง 49% ภายหลังในเวลาไม่นาน ราคาของเหรียญดังกล่าวก็พุ่งขึ้นไปถึง 92 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นถึง 44%
ทว่าหลังจากตลาดแตะจุดสูงสุดแล้วนั้น ราคาก็ร่วงลงมาอย่างรุนแรง โดย Bitcoin ร่วงลงมาจาก 4,950 ดอลลาร์ สู่ 2,970 ดอลลาร์ ในขณะที่ Ethereum ร่วงจาก 390 ดอลลาร์มาสู่ 198 ดอลลาร์ และ Litecoin ที่ร่วงลงมาถึง 65% จนถึง 32 ดอลลาร์ ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน Litecoin ก็มีการฟื้นของราคากลับไปที่ 50 ดอลลาร์ หรือจุดที่นักลงทุนหลายๆคนเชื่อว่าเป็น “จุดระดับราคาด้านจิตวิทยา” และก็ยังคงตัวอยู่ในะดับนี้มาเรื่อยๆตั้งๆแต่วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา
ก่อนหน้าที่ราคาจะตกนั้น ตลาดได้มีความนิ่ง และแทบจะไม่มีการขยับตัว จนกระทั่งเมื่อเวลาสามทุ่มของเมื่อวาน ราคาก็เริ่มที่จะมีการขยับตัว แต่ว่าเป็นไปในทางทิศใต้ หรือข้างล่างของกราฟนั่นเอง จนกระทั่งราคาของมันก็ได้ร่วงลงมาต่ำกว่าจุด 50 ดอลลาร์ และร่วงลงไปถึงจุดต่ำสุดที่ 45.67 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap ซึ่งคิดเป็นประมาณ 11% จากเมื่อวาน ซึ่งการร่วงของราคาในครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดรวมของ Litecoin ในปัจจุบันเหลืออยู่ที่เพียงแค่ 2.5 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
สัญญาณด้านบวกในระยะยาว
การร่วงของราคาในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าตลาดมีการปรับตัวตามตลาด cryptocurrency โดยรวมที่ในช่วงนี้กำลังเกิดการ correction ขึ้นหลังจากข่าวด้านลบหลายๆข่าวจากในประเทศจีน ทว่าก็มีตัวแปรเหตุการณ์ที่เป็นบวกต่อเหรียญ Litecoin ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ที่ดูเหมือนว่าจะช่วยเป็นตัวผลักดันเหรียญดังกล่าวให้ก้าวไปข้างหน้าในระยะยาว
อย่างแรก นาย Charlie Lee หรือบิดาแห่ง Litecoin ได้ประสบความสำเร็จในการทำการ atomic swaps ระหว่าง chain ของเหรียญคริปโตสองตัว ซึ่งก็คือ Decred และ Vertcoin ในขณะที่หลายๆคนอาจจะไม่รู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับการทดสอบดังกล่าวมากนัก เนื่องจากว่า Lightning Network ที่จะถูกติดตั้งหลังจาก SegWit นั้นก็จะมีฟีเจอร์ดังกล่าวเช่นกัน แต่การออกมาสาธิตให้เห็นนี้อาจถือเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งก้าวในการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตข้าม Blockchain โดยที่ไม่ต้องพึงพาเว็บแลกเปลี่ยนซื้อขาย ที่ทางผู้ใช้งานจะได้เตรียมรับผลประโยชน์ตรงนี้ในอนาคตอันใกล้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
อย่างที่สอง บริษัท Coinbase ได้ออกมาประกาศเพิ่มเหรียญ Litecoin และ Ethereum เข้าไปในระบบตู้เซฟของพวกเขา ซึ่งการเก็บเหรียญไว้ในระบบตู้เซฟดิจิตอลนี้ พวกเขาเคลมว่ามีความปลอดภัยมากกว่าการเก็บไว้ในกระเป๋าแบบธรรมดาของ Coinbase มาก ซึ่งสำหรับผู้ใช้งานหลายๆคนนั้น เว็บ Coinbase ถือเป็นเว็บที่พวกเขาใช้เก็บเหรียญดิจิตอลเพื่อลงทุนในระยะยาวเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ดังนั้นการประกาศดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในปัจจุบันได้ย้ายเหรียญของพวกเขาที่เก็บไว้อยู่บนกระเป๋าแบบปกติ เข้าไปเก็บไว้ในระบบตู้เซฟที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น