นักลงทุนในตำนาน Jim Rogers เช่ือว่าธนาคารนั้นควรที่จะลงทุนพัฒนาในด้านเทคโนโลยีการเงินหรือ fintech มิเช่นนั้นพวกเขาจะต้องถูกแทนที่ในอนาคต
นาย Jim Rogers ที่เป็นเจ้าของบริษัท Rogers Holdings และ Beeland Interests, Inc. อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งร่วมของ Quantum Fund นั้นยังได้กล่าวว่าธนาคารในปัจจุบันควรที่จะต้องเร่งพัฒนาตัวเองอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของฟินเทคในปัจจุบัน
โดยอ้างอิงจาก China Daily เขากล่าวว่า
“ลูกหลานของผมในวันที่พวกเขาโตขึ้นจะไม่มีวันเดินเข้าไปในธนาคารตามถนนอีกแล้ว มันจะถูกแทนที่ด้วยคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ”
นาย Rogers นั้นยังเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางด้านฟินเทคอีกด้วย โดยอ้างอิงจากรายงานนั้น เขาได้ทุ่มเงินลงทุนในบริษัทสัญชาติฮ่องกงนามว่า ITF Corporation หรือธนาคารไฮเทคแห่งแรกของโลกที่ก่อตั้งโดยนาย Hui Jie Lim โดยนาย Rogers หวังว่าทางธนาคารจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีหน้า นอกจากนี้เขายังได้ลงทุนใน Tiger Broker หรือโบรคเกอร์ออนไลน์สัญชาติจีนอีกด้วย
แม้ว่าการลงทุนในโครงการเหล่านี้ของเขาจะยังไม่เห็นผลประกอบการที่แน่ชัด แต่เขาก็รู้และค่อนข้างมั่นใจว่าเทรนด์ของโลกใบนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน
เขายังเชื่อว่าสกุลเงินดิจิตอลจะสามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของเราที่มีต่อเงินในอีก 10 ถึง 20 ปี แม้ว่านาย Rogers จะไม่เคยลงทุนในตลาด cryptocurrency มาก่อน แต่เขาก็มีความเห็นว่ารัฐบาลนั้นอาจจะออกเหรียญคริปโตมาเป็นของตัวเองในอนาคต
ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากที่เขาเคยออกมาทำนายเหตุการณ์ฟองสบู่ของตลาดหุ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ซึ่งการทำนายนั้นมีขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเขาให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่าหุ้นบางตัวในตลาดหุ้นสหรัฐฯจะกลายเป็นฟองสบู่ และมันจะล่มสลายลง และเมื่อถูกถามว่าอะไรจะมาเป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น นาย Rogers กล่าวว่ามันน่าจะเป็นทุนบำเน็จบำนาญของรัฐบาลที่หมดเกลี้ยงไม่เหลือจ่าย หรือปัจจัยนอกประเทศ เขายังได้ยกตัวอย่างเช่นประเทศไอซ์แลนด์และไอร์แลนด์ที่เคยเกิดวิกฤตด้านการเงินมาแล้ว และท้ายสุดเมื่อถามถึงขนาดความรุนแรงของฟองสบู่ว่าผลกระทบนั้นจะรุนแรงขนาดไหน เขาตอบว่า
“มันจะต้องเป็นอะไรที่แย่ที่สุดในชีวิตของคุณเลย”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น