<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเปิด Bitcoin Futures และบทต่อไปสำหรับ Bitcoin คืออะไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หนึ่งในผู้ให้บริการตราสารอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนาม CME Group ได้ประกาศที่จะเปิดบริการ Bitcoin Futures

และนี่ถือว่าเป็นอีกหน้าของประวัติศาสตร์ Bitcoin และสามารถพูดได้ว่าในปี 2017 เป็นปีที่น่าทึ่ง ทุกๆ การใช้งานของมันแสดงให้เห็นการเติบโตในทุกๆ ด้านได้แก่ จำนวนนักลงทุน การดาวน์โหลด Wallet สื่อสังคมออนไลน์ แนวโน้มการค้นหาเทรนด์ Google ปริมาณการทำธุรกรรมในแต่ละวัน ฯลฯ

เมื่อเทียบกับราคาทองแล้วนั้น ราคาของ Bitcoin ก็เคียงคู่กันไปกับราคาทองและ Bitcoin ก็สามารถเข้าถึงผู้คนมากกว่าที่เคยเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มการซื้อขาย Cryptocurrency ที่มีอยู่จำนวนมากก็พยายามที่จะให้บริการออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง (แม้ว่าเว็บไซต์ของ CBOE ล่มเมื่อเปิด Bitcoin Futures แล้วก็ตาม) และส่วนใหญ่ที่ต้องหยุดทำการเปิดขาย Cryptocurrency เหล่านี้ไม่ใช่เพราะโดนโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) แต่เป็นที่จะเพิ่มโวลลุ่มในการเข้าถึงมากกว่า

และด้วยตลาดฟิวเจอร์สนี้ทำให้ Bitcoin ถูกควบคุมด้วยกฏหมายโดยปริยาย อย่างไรก็ตามผู้ที่สนับสนุน Bitcoin บางคนก็เห็นด้วยกับการเริ่มหันมายอมรับมันจาก Wall Street อีกด้วย

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency นาม Bats BZX ถูกปฏิเสธโดย SEC ในการได้รับอนุญาตให้มี Bitcoin ETF เนื่องจากลักษณะของตลาด Bitcoin ไม่เป็นระเบียบและมีสภาพคล่องต่ำ การตัดสินใจนี้เป็นจุดสิ้นสุดของการต่อสู่ที่เป็นเวลาประมาณสามปีสำหรับนักลงทุนสองพี่น้องนาย Cameron และนาย Tyler Winklevoss ผู้ซึ่งได้พยายามที่จะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกสู่ตลาดเป็นเวลานาน

Bitcoin ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้านกฎระเบียบอย่างหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแล และไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่กำกับการดูแลด้านกฎหมายการเงินของประเทศจีนก็ยังระงับผู้ให้บริการซื้อขาย Cryprocurrency ทั้งหมดอีก

อย่างไรก็ตามมูลค่าราคาตลาดของ Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นจาก 2 หมื่นล้านดอลลาร์จนถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียงเก้าเดือนนับตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าว

การเติมเชื้อไฟ

ในปี 2017 เป็นตลาดขาขึ้นของ Bitcoin รวมไปถึงการ Scaling ด้วยมันจึงทำให้เกิดความผันผวนของราคา Bitcoin อย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2017

ตลาดฟิวเจอร์สที่มีการควบคุมและ Bitcoin ETF ทั้งคู่นี้อาจเป็นยาแก้พิษ และยังเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย Bitcoin และการลดความผันผวน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดในระยะยาว และสิ่งนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่า Bitcoin จะเป็นสกุลเงินที่ดีในด้านมูลค่าและเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนอีกด้สย

ความรู้คือพลัง

การไม่คำนึงถึงความผันผวนของราคา Bitcoin ที่ล่อตาล่อใจ นักเทรดที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ก็พร้อมที่จะก้าวกระโดดลงไปสู่วงจรการเล่น Bitcoin ซึ่งการเล่น Bitcoin ต้องใช้ะยะเวลาศึกษา ความมีวินัย และต้องเข้าใจถึงความซับซ้อนหลายอย่างรวมกัน

ในสุดท้าย “การศึกษา” ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐฯ ทาง CFTC (Commodities Futures Trading Commission) หรือคณะกรรมการกำกับตลาดฟิวเจอร์ ได้เปิดเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ในวันที่เปิดตัว Bitcoin Futures โดยมีจุดมุ่งหมายคือการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสินค้าทางดิจิตอล

ความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับตัว Bitcoin จะช่วยสร้างระบบ Ecosystem ที่จัดสรรเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และต่อยอดแนวคิดใหม่ๆที่มีคุณค่าสู่ระบบตลาด Cryptocurrency อย่างเช่นการถือกำเนิดขึ้นของ ethereum อีกด้วย

ตลาดฟิวเจอร์สที่มีคุณภาพนั้นต้องมีส่วนผสมของนักเก็งกำไรและผู้ค้า โดยมีสินทรัพย์ที่เอาไว้อ้างอิง แล้วปกติสำหรับตลาดที่ดำเนินการโดย CME อาจเป็นชาวเกษตรกรที่ต้องการล็อคราคาในการเก็บเกี่ยวของพืชผลของพวกเขาด้วยสัญญาขายระยะสั้นๆ เช่น ข้าวสาลีหรือข้าวโพด ฯลฯ

ตื่นขึ้น

คาดว่าบริษัทจะมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะร่วมธุรกิจขุดเหรียญ เพราะหลังจากที่บริษัท Digital Power ประกาศว่าจะเริ่มต้นทำการขุดเหรียญสิบอับดับแรก หุ้นของพวกเขาก็พุ่งขึ้นร้อยละ 750 เปอร์เซนต์ บริษัท Digital Power ไม่ใช่บริษัทเดียวที่อยู่ในวงการขุดเหรียญนี้แล้ว เพราะในปัจจุบันยังมีบริษัทเทคโนโลยีอีกมากมายที่กำลังเข้าสู่ธุรกิจขุดเหมือง cryptocurrency อย่างมากมาย

ด้วยความสามารถในการขายแบบ Short ก็เพื่อล็อคกำไรในการขุดเหมือง บริษัทเหล่านี้ใช้การเล่นฟิวเจอร์เพื่อลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างมาก

ส่วนที่น่าสนใจที่สุดของการเพิ่มขึ้นของมูลค่า Bitcoin ก็คือความสามารถในควบคุมเศรษฐกิจของมันให้มีความเสถียรได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาถึงแปดปีในการทนฟังเสียงโห่ร้องทั้งหลายจากผู้วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่รอบข้างก็ตาม

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น