<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงาน: ประเทศจีนประกาศระงับการเทรด Cryptocurrency รวมถึงแบนเว็บเทรดต่างชาติ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประเทศจีนประกาศบลอคทุกเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Cryptocurrency และ ICOs รวมถึงเว็บไซต์ต่างชาติ เพื่อปราบปรามตลาดอย่างเด็ดขาด

ส่วนหนึ่งของบทความจาก Financial News ซึ่งเป็นสื่อของธนาคารแห่งประเทศจีนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ประเทศจีนจะเพิ่มมาตรการเพื่อที่จะกำจัดแพลทฟอร์มทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Cryptocurrency และ ICOs”

ในรายงานข่าวได้ระบุถึงความล้มเหลวของความพยายามล่าสุดที่จะกำจัดการเทรด Cryptocurrency ด้วยการปิดเว็บเทรดภายในประเทศ

“แม้จะมีการแบนครั้งก่อน ICOs และ Cryptocurrency ก็ยังคงมีอยู่ในประเทศจีน เพราะหลังจากมีการสั่งปิดเว็บเทรดคริปโตภายในประเทศ หลายคนก็หันไปใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับ Cryptocurrency แทน”

“ธุรกรรมระหว่างประเทศและความพยายามหลีกเลี่ยงกฎหมายยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ และความเสี่ยงก็ยังคงอยู่ได้ด้วยการออกสกุลเงินผิดกฎหมายนี้ บางคนถึงขั้นนำมันมาใช้หลอกลวงและทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่” อ้างอิงจากรายงานดังกล่าว

การรุดหน้าเอาจริงเอาจังของรัฐบาลจีนในการแบนกิจกรรมทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิตอลนั้นมีขึ้นเพื่อต่อต้านกระแสของการเก็งกำไรและการสร้างเหรียญ ICO ที่ในขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน กระแสความแรงนี้เองที่ทำให้ราคาของเหรียญเหล่านี้มีความผันผวนที่สูง และสิ่งที่ตามมาก็คืออาชญากรรมด้านการเงินอย่างเช่นการฉ้อโกง ที่ทำให้ทางการจีนออกมาแสดงความเป็นห่วง

ภายหลังจากรายงานข่าวการแบนที่ว่านี้แล้ว ทางบริษัท Search engine ยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Baidu ก็ได้หยุดให้บริการโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องกับ ICO และ Cryptocurrency ทันที การเคลื่อนไหวดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไม่ต่างจากของ Facebook ที่ประกาศในลักษณะเดียวกันไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะใช้ VPNs (virtual private networks) ในการเทรด Cryptocurrency ต่าง ๆ เนื่องจากหลายเว็บเทรดได้ย้ายไปเปิดธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์แทน” นาย Donald Zhao นักเทรด Bitcoin ที่ย้ายการเทรดจากเมืองปักกิ่งไปที่เมืองโตเกียวเมื่อปลายปีที่แล้วกล่าว

เขาเสริมว่า “ผมคิดว่าการแบนครั้งนี้จะทำให้การหลีกเลี่ยงการแบนในประเทศจีนจะเป็นไปได้ยากมากขึ้น คนที่โปรโมทธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาจถูกจับได้”

กฎหมายที่เข้มงวดของทางธนาคารแห่งประเทศจีนจะ “สามารถสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนที่อยู่ในวงการคริปโตได้แน่นอน” กล่าวโดยนาย Wayne Cao หรือผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพที่กำลังระดมทุน ICO ไปเมื่อไม่นานมานี้

“โปรเจค ICO ของจีนส่วนมากนั้นลงทุนโดยนักลงทุนชาวจีน ดังนั้นถ้าเกิดการแบน ICO ขึ้น ตลาด Cryptocurrency ทั้งหมดก็จะแย่ลงไปด้วย”

ฟองสบู่ Bitcoin ดูเหมือนว่ากำลังจะแตกหลังจากที่ราคาของมันร่วงต่ำกว่า 8,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน

ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้สั่งแบน ICO และเว็บกระดานซื้อขายเหรียญ Cryptocurrency ไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่การทำธุรกรรมซื้อขายระหว่างบุคคลก็ยังคงมีอยู่ เนื่องจากว่ารัฐบาลไม่สามารถทำอะไรกับเทคโนโลยี blockchain ได้มากนัก นักธุรกิจในจีนหลาย ๆ คนได้ย้ายไปอยู่ในฮ่องกงหรือญี่ปุ่น ในขณะที่ยังคงพยายามเปิดขาย ICO ให้กับนักลงทุนในจีน

เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้สั่งการให้สถาบันการเงินในประเทศหยุดให้บริการด้านสินเชื่อแก่ผู้ที่ทำกิจกรรมใด ๆ ก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ซึ่งถือเป็นการรัดกุมยิ่งขึ้นไปอีก

“มันถือเป็นข่าวดีสำหรับญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เพราะว่าความต้องการในการเข้าร่วมการลงทุนซื้อขายนั้นยังไม่ลดลง และนักลงทุนก็ต้องหาทางเอาตัวรอด” กล่าวโดยนาย Ace Yang ผู้บริหารระดับสูงของ Cathay Capital บริษัทด้าน equity ในกรุงปักกิ่ง

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น