บริษัท Start Up ที่ดูแลการพัฒนาเหรียญ Cryptocurrency ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสามของโลกนาม XRP กำลังอัปเกรดเทคโนโลยีพื้นฐานที่พวกเขากำลังใช้อยู่
การประกาศในวันพุธที่ผ่านมาบริษัท Start Up นาม Ripple ได้ปล่อย White Paper ใหม่สองฉบับออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นได้อธิบายอัลกอริทึมของ XRP Consensus อย่างเป็นทางการมากขึ้น และเค้าโครงอันอื่นที่จะเป็นทางที่จะปรับปรุงความหลากหลายของการเชื่อมต่อของแต่ละ Node และซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้เปิดเพื่อตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่าย
อย่างไรก็ตามในขณะที่ XRP กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ Crypto ที่มีความต้องการมากที่สุด ในบางแง่มุมการพัฒนาของมันก็ยังล่าช้ามากกว่าตัวอื่นเช่น Bitcoin หรือ Ethereum
แท้จริงแล้ว CTO ของ Ripple นาย Stefan Thomas ได้พยายามเสนอ Paper เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างบริษัทวิจัยและสถาบันการศึกษา ในระยะสั้นนี้บริษัท Ripple ต้องการให้นักวิจัยสามารถตามเทคโนโลยีของ Ripple ได้ง่ายขึ้น เพื่อทำให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
ตัว Paper เป็นแถลงการณ์เกี่ยวกับวิวัฒนาการต่อเนื่องของ Ripple ซึ่งหลังจากการเปิดตัวก็มีเป้าหมายที่จะนำ Cryptocurrency มาใช้ในระบบการชำระเงินที่มีความปลอดภัยและกำลังมองหาระบบเพื่อมาแทนที่การส่งข้อความของธนาคารแบบ Centralized และบริการด้านสภาพคล่องด้วยระบบ Decentralized
เล่นเกมการป้องกัน
สำหรับนาย Thomas อย่างไรก็ตาม White Paper ทั้งสองที่ออกมานั้นใจความสำคัญก็คือความปลอดภัย
“สิ่งที่เราพยายามทำอยู่ นี่คือการเพิ่มการป้องกันจากจากโจมตีที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยทั่วไปแล้วคุณไม่สามารถจัดการได้อย่างสมบูรณ์บนเครือข่ายทั้งหมดหรอก” เขาอธิบาย
คำสำคัญในที่นี้คือ “ไม่น่าเป็นไปได้” นาย Thomas ระบุว่าการโจมตีเหล่านี้ไม่สามารถทำได้เว้นแต่ว่าผู้บุกรุกจะเป็นรัฐกล่าวคือรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีเงินและทรัพยากรทางเทคโนโลยีเพียงพอที่จะทำลายเครือข่าย และแม้ว่าเขาจะไม่กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตามนาย Thomas กล่าวว่าบริษัทพยายามที่จะปกป้องไม่ว่าจะเกิดกรณีอะไรขึ้นก็ตาม
“เราระมัดระวังเป็นอย่างมากเราต้องการความปลอดภัยที่ดีที่สุด” เขากล่าวเสริม
ใน White Paper ตัวแรกเรียกว่า “การวิเคราะห์ของบัญชีแยกประเภทของ XRP Consensus Protocol” ที่สร้างขึ้นจาก Paper ของบริษัทเมื่อปี 2014 โดยให้การพิสูจน์อย่างเป็นทางการทางคณิตศาสตร์ว่าสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นบนเครือข่ายกำลังจะเกิดขึ้น โดยแยกออกเป็นสองสิ่ง อย่างแรก “ความปลอดภัย” ที่เครือข่ายไม่ยอม Fork ออกเป็นสองเครือข่ายเพื่อที่จะแข่งขันกัน และ “ความต่อเนื่อง” ซึ่งจะทำให้เครือข่ายไม่มีการติดขัดและยังคงดำเนินการทำธุรกรรมต่อไป
ใน White Paper ตัวที่สอง เรียกว่า “Cobalt: BFT Governance in Open Networks” เป็นการปรับปรุงแผนของ XRP ก่อนหน้านี้ด้วยอัลกอริธึมที่สนับสนุนการจัดเรียงของผู้ตรวจสอบการเก็บข้อมูลแบบ Array
คุณสามารถคิดว่า XRP เป็นประเภทระบบการลงคะแนน โดยที่แต่ละ Node จะเก็บประวัติการทำธุรกรรมของ Ripple และจะได้รับการโหวตว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ โดยแต่ละ Node ใน Ripple จะมีสิ่งที่เรียกว่า Unique Node List (UNL) ซึ่งจะมีรายการ Node บนเครือข่าย Ripple ที่เป็น Node ที่ถูกกฏหมาย
ดังนั้นหากแต่ละ Node เชื่อมต่อกับ Node ที่หลากหลายขึ้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับความยืดหยุ่นในระยะยาวในความเป็น Decentralised ในระบบ
“มันจะไม่ส่งผลต่อผู้ใช้ที่กำลังใช้ XRP ในขณะนี้ พวกเขาจะไม่พบการ Down ของระบบหรืออะไรเลย”
นาย Thomas กล่าว
ช้าไปหนึ่งก้าว
“นักวิจารณ์มักช้าไปหนึ่งก้าว” นาย Thomas บอก “เมื่อผมเริ่มต้นเปิดบริษัท Ripple ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้น มันไม่ใช่ Open Source เราไม่ได้รับการตรวจสอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปบริษัทโตขึ้นและเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้สำเร็จ”
โดยวิธีนี้นาย Thomas มองว่า Paper เหล่านี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ Ripple จะตอบสนองความต้องการของตลาดหรือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการทำธุรกรรมแทนการใช้ SWIFT Code หรือทำให้ Cryptocurrency มีความปลอดภัย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น