<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

4 อันดับของคำแนะนำที่ย่ำแย่ในโลก Cryptocurrency

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาด Cryptocurrency ประกอบไปด้วยนักเทรดที่ประสบความสำเร็จหลากหลายระดับและมีเจตจำนงที่แตกต่างกันไป ในขณะที่กราฟนั้นสามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตลาดไหนเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ แต่ความน่าเชื่อถือของนักเทรดนั้นกลับไม่มีสิ่งใดที่จะมาวัดได้ และผลที่ตามมาก็คือ มักมีการแพร่กระจายของข้อมูลที่ไม่ดีออกไป ซึ่งอาจมาจากการประสงค์ร้ายหรือการขาดความรู้ที่ถูกต้องก็เป็นได้

อันดับสี่: เหรียญนี้น่าซื้อเพราะราคามันถูก

แม้แนวคิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่แพร่หลายมากนักในช่วงปลายปี 2017 ที่นักเทรดรายใหม่หลายคนเริ่มเข้ามาทำการซื้อขาย Cryptocurrency แต่ก็ยังมีการยกแนวคิดนี้ขึ้นมาแนะนำบ้าง มีบ่อยครั้งที่บางเหรียญจะถูกกล่าวถึงว่ามันมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือมีราคาที่ต่ำจนอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อ อย่างไรก็ตามแนวคิดเรื่องราคานี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้ในการประเมินค่าของเหรียญ Cryptocurrency เพราะราคานั้นไม่ได้บ่งบอกถึงมูลค่าของเหรียญในตลาด Cryptocurrency, การกระจาย, เงินเฟ้อและการเริ่มต้นของเหรียญนั้น ๆ เลย

เหรียญ Kin เป็นตัวอย่างที่ตรงไปตรงมาในเรื่องนี้ โดยเงินเพียงแค่ 0.01 ดอลลาร์ก็สามารถซื้อเหรียญ Kin ได้มากกว่า 30 KIN ทำให้มีผู้ออกมาแนะนำว่าเหรียญนี้มีมูลค่าที่ถูกมากและถูกตีราคาต่ำเกินไป อย่างไรก็ตามหากดูมูลค่าตลาดของ Kin จะเห็นว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น โดยเหรียญนี้มีจำนวนใกล้เคียง 1 ล้านล้าน KIN ซึ่งเท่ากับมีมูลค่าตลาดประมาณ 222 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าไม่ใช่เหรียญที่ราคาถูกเลย

อันดับสาม: อย่าตกหลุมรักในการถือครองเหรียญของคุณ

แนวความคิดนี้ได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลายในหมู่ชุมชน Cryptocurrency แต่ก็อาจไม่ได้เป็นกฎที่เหมาะสมเสมอไป สำหรับนักเทรดรายใหม่ มันอาจไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุดที่จะยึดติดกับการเทรดในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเทรดมือเก๋าที่สามารถรับรู้ศักยภาพของเหรียญต่าง ๆ การตกหลุมรักในเหรียญนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด และหากคุณเป็นผู้ถือครองเหรียญระยะยาว คุณก็ควรถือเหรียญที่คุณชื่นชอบ

เพราะการที่มีความเชื่อมั่นต่อเหรียญนั้นจะช่วยทำให้มั่นใจว่าเหรียญที่ถือนั้นมีศักยภาพ แม้ในช่วงที่เหรียญมีราคาตกลงก็จะสามารถผ่านวัน, สัปดาห์หรือหลายเดือนที่กราฟเป็นสีแดงได้ (ราคาตก) โดยบางเหรียญอาจใช้เวลาหลายปีในการที่จะมีราคาที่สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน ซึ่งเหรียญ IOTA เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ โดยบรรดาผู้ที่รักในเหรียญ IOTA แม้จะต้องผ่านช่วงเวลาหลายปีที่เหรียญดังกล่าวไม่ได้ถูกลิสบนเว็บเทรดต่าง ๆ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้รับผลตอบแทนของการรอคอยอย่างมหาศาล

อันดับสอง: “ซื้อเหรียญนี้เพราะมันดีกว่า Bitcoin

ข้อนี้มักใช้กับการหลอกซื้อเหรียญขยะ โดยการที่ Alt Coin เคลมว่า “ดีกว่า Bitcoin” นั้นจริง ๆ แทบไม่มีความหมายแต่อย่างใด กล่าวคือเกือบทุก Cryptocurrency ที่สร้างขึ้นใหม่ล้วนดีกว่า Bitcoin ทั้งนั้น เพราะการ Fork แต่ละครั้งคือการนำ Code ตัวเดิมมาต่อยอดเพื่อสร้างเหรียญที่สามารถทำให้การทำธุรกรรมนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น ,มีการแบ่งกระจายที่ดีขึ้น, มีการ Scaling ที่ดีขึ้น หรือมีการสร้าง Feature ใหม่ ๆ ที่ Bitcoin ไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามแม้จะมีเหรียญที่ดีกว่า Bitcoin แต่ก็ไม่ได้แปลว่าราคาของเหรียญเหล่านั้นจะสามารถขึ้นมาสูงเท่ากับราคาของ Bitcoin ได้เสมอไป

อันดับหนึ่ง: “ฟังคำพูดของนักเทรดชื่อดัง”

การรับคำแนะนำจากนักเทรดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเก่งและประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่ดี  อย่างไรก็ตาม บุคคลออนไลน์ที่ได้รับความนิยมบางคน ก็ได้ใช้ประโยชน์ทางช่องทาง Online เพื่อการขยายผลงานและเพิ่มผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ Youtube ช่องต่าง ๆ ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนได้ช่วยโปรโมทเหรียญแชร์ลูกโซ่เช่นเหรียญ Bitconnect (BCC)

โดยรวมแล้วนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เราควรปฏิบัติก็คือการตัดสินใจด้วยตนเองโดยใช้วิจารณญาณและเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งการลองผิดลองถูกนั้นจะให้บทเรียนที่แท้จริงแก่ตัวนักเทรดเอง เพราะนักเทรดที่ช่ำชองและประสบความสำเร็จในตลาดต่างก็การผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาแล้วเช่นกัน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น