<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นาย Vitalik กล่าว “ผมเป็นผู้ที่ทำลายอาชีพและเป็นผู้สร้างอาชีพที่ดีกว่า”มีนัยสำคัญอย่างไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบันเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่า มีเครื่องจักรจำนวนมากกำลังแทนที่งานที่เคยเป็นของผู้คนในอดีตอยู่ เราสามารถเห็นตัวอย่างเหล่านี้ได้ในชีวิตประจำวันเรา เช่น ตู้ Kiosk เช็คอินสำหรับสนามบิน, ที่จ่ายเงินด้วยตัวเองของห้างร้านต่าง ๆ หรือ เครื่องจักรในโรงงานที่ทำงานทั้งวันทั้งคืนได้แทนคน

หรือถ้าเรามองลึกลงไปในอดีต ยุคอุตสาหกรรมได้มาเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตต่อโลกเราเป็นอย่างมาก โดยการประยุกต์ใช้เครื่องจักรต่าง ๆ ในการผลิตแทนที่คน การทำนาปกติที่ต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก ทั้งการหว่าน และเก็บเกี่ยว แต่พอมีการเปลี่ยนของยุคสมัยเริ่มมีการแทนที่ของคนเหล่านั้นด้วยเครื่องจักรแทน เช่น การใช้รถในการไถนา เป็นต้น

การเปลี่ยนของยุคสมัย

ในปัจจุบันโลกของเราได้เข้าถึงยุคดิจิทัลแล้ว เมื่อ AI มีการเกิดขึ้น, เครื่องจักรสามารถเรียนรู้ด้วยตัวมันเองได้ และ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ก้าวหน้ามากขึ้นก็เข้ามาแทนที่คนมากขึ้นไปอีก คล้าย ๆ ยุคอุตสาหกรรม และแน่นอนด้วยความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีนั้น Blockchain มันจะเป็นในเทคโนโลยีที่จะมาแทนที่งานของคนจำนวนมากได้เช่นกัน

นาย Vitalik Butterin ผู้สร้าง Ethereum ให้สัมภาษณ์กับ Vice ว่า “ผมเป็นผู้ที่ทำลายอาชีพ และเป็นผู้สร้างอาชีพที่ดีกว่า”

ใครที่รู้จัก Ethereum จะพอทราบมาบ้างว่ามันคือแพลตฟอร์ม Smart Contracts ซึ่งมีความสามารถในการตัดตัวกลางในระบบนั้น ๆ ได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำสัญญากันได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อใจกันว่า ใครจะผิดสัญญา และแน่นอนว่าเทคโนโลยีดังกล่าว มีความสามารถที่จะแทนที่งานในปัจจุบันเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น งานทางด้านกฎหมาย หรืองานที่มีกระบวนการต้องทำซ้ำ ๆ ก็สามารถแทนที่ด้วยโค้ดไม่กี่บรรทัดได้

งานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้, การตัดสินใจ หรือหลักตรรกกะนั้น สามารถถูกทำแทนได้ด้วยโปรแกรมแล้ว มันจะเหลือเวลาให้พวกเราไปทำงานงานที่ซับซ้อนและมากยิ่งขึ้น

ผู้คนโดนแทนที่ด้วยเครื่องจักร ?

หากเราลองคิดเล่น ๆ ในปี 2050 ด้วยระบบแบบ Decentralized โลกของเราอาจจะก็ไม่มีความจำเป็นของ CEO และผู้บริหารเช่นกัน เนื่องจากผู้ที่ถือครองโทเค็นจะเป็นคนที่จัดสินใจแทน, บริษัทกฎหมายจะไม่จำเป็นอีกต่อไปเนื่องจากใช้ Smart Contracts แทน, นักบัญชีไม่จำเป็นอีกต่อไปเนื่องจาก Blockchain จะเป็นคนเก็บบันทึกข้อมูลธุรกรรมทุกอย่างและป้องกันการจ่ายซ้ำ

ในอนาคตงานส่วนใหญ่จะเป็นการที่เราเป็นผู้คุมเครื่องจักรหรือโปรแกรมเหล่านั้นแทนที่จะทำมันด้วยตัวเราเอง บางงานอาจจะเป็นการสร้างเครื่องจักร หรือโปรแกรม, บางงานอาจจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล หรือ บางงานอาจจะเป็นการควบคุมและบริหารคนอีกทีหนึ่ง

การแทนที่ดังกล่าวได้ทำลายอาชีพก็จริงแต่ว่า มันก็ได้สร้างอาชีพใหม่ขึ้นมาอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลยว่าเครื่องจักรหรือโปรแกรมจะมาแทนที่มนุษย์ได้ แต่งานที่จะเกิดใหม่นั้นจำเป็นต้องให้ทรัพยากรมนุษย์มีการศึกษาที่ดีขึ้นซะก่อน เช่น ในตอนนั้นทุก ๆ คนต้องจบมหาลัย ปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ จะจบปริญญาเอก ผู้คนมีความสุขมากขึ้น เนื่องจากทำงานที่ดีขึ้น ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อายุที่ยืนยาวขึ้น และเด็กรุ่นใหม่ทุกคน จะต้องเรียนเขียนโปรแกรมเหมือนเรียนวิชาเลข หรือสังคม อาจจะเริ่มซักอายุ 7 ขวบ ซึ่งตอนนี้การเขียนโปรแกรมนับว่าเป็นความสามารถเฉพาะทาง แต่ในอนาคตมันจะกลายเป็นสิ่งปกติสำหรับคนรุ่นใหม่

แต่ก็ใช่ว่าอาชีพเก่า ๆ จะหายไปหมดเลย เช่น นายธนาคาร หรือ นักกฎหมาย ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่พวกเขาจะใช้เครื่องจักร และเครื่องมือเหล่านั้นเป็นเครื่องมือ ทำให้ได้ผลิตผลมากขึ้น ยังต้องใช้การจัดสินใจจากหลักเหตุและผลของมนุษย์อยู่ดี

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีใครรู้ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรแต่เราควรเข้าใจไว้ก่อนว่าการเกิดขึ้นของเครื่องจักร และโปรแกรมเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาทำลายเรา มาแย่งงานเรา แต่เป็นสิ่งที่จะมาช่วยเรา เป็นเครื่องมือให้เรา และทำให้งานเราง่ายขึ้น มีชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั่นเอง

 

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น