ตอนนี้ทั่วโลกน่าจะรู้จัก Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลกันอย่างแพร่หลายแล้ว และในหลาย ๆ ประเทศก็ได้เริ่มให้ความสนใจใน Bitcoin หรือเหรียญดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลก เพราะมันจะสามารถเข้ามา Disrupt วงการด้านการเงินในอนาคตได้อย่างแน่นอน…
แน่นอนว่าก็มีทั้งประเทศที่เห็นด้วยกับ Cryptocurrency และไม่เห็นด้วยกับ Cryptocurrency เพราะเหตุผลที่ว่า มันจะเข้ามาทำลายระบบของธนาคาร การเงิน หรือแม้แต่เป็นตัวการที่สามารถนำมาทำธุรกรรมผิดกฏหมายต่าง ๆ เช่น การฟอกเงินหรือหลอกลวงนักลงทุนต่าง ๆ มากมาย
ส่วนประเทศที่มีการกำหนดข้อตกลงใน Cryptocurrency เป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างเช่น ญี่ปุ่นที่ได้ประกาศว่า Cryptocurrency เป็นสิ่งถูกกฏหมาย ก็ได้นำ Cryptocurrency ไปใช้งานได้รูปแบบต่าง ๆ เช่น ไปจองตั๋วเครื่องบินหรือไปจ่ายเงินให้กับพนักงาน ก็เป็นการบ่งชี้ว่า Cryptocurrency สามารถนำไปใช้งานได้จริงถ้าบุคคลที่ออกกฏหมายศึกษามันอย่างถ่องแท้
แต่ถ้าทุกประเทศทำให้ Cryptocurrency ถูกกฏหมายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ทุก ๆ อย่างในโลกนี้ต้องมีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกัน ถ้าปัจจุบันก็เป็นสกุลเงินทั่วไปเช่นเงินดอลลาร์ที่เป็นสกุลเงินสากลที่เกือบทั่วโลกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนหรือนำมาซื้อของ แต่ก็ยังมีปัญหาด้าน Centralized และความไม่โปร่งใสอีกด้วย และบางทีอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำธุรกรรมสำเร็จ
แน่นอนว่าถ้าทุกประเทศทำให้ Cryptocurrency ถูกกฏหมาย ก็จะสามารถนำมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกัน เช่นการซื้อสินค้าหรือบริการข้ามประเทศได้เลย โดยที่ไม่ต้องผ่านสื่อกลาง และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
การลงทุน ICO จะสะดวกมากขึ้น
ทุกวันนี้ เราสามารถลงทุนได้หลายแบบ ไม่ว่าจะลงทุนกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในหุ้น หรืออื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการระดมทุน ICO
และถ้า Cryptocurrency ถูกกฏหมายและมีกฏหมายมารองรับ การระดมทุน ICO จะเกิดขึ้นมากมาย เพราะบริษัท Startup สามารถใช้การระดมทุน ICO มาช่วยในธุรกิจของตัวเอง ให้สามารถ Raise Fund ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
แต่ต้องระวังการระดมทุน ICO เหมือนกันเพราะว่า ขนาดประเทศที่มีการออกกฏหมายอย่างชัดเจนก็ยังมีการระดมทุนเหรียญ ICO ที่มีท่าทีว่าเป็น SCAM ออกมามากมาย นักลงทุนต้องศึกษาในเหรียญนั้น ๆ หรือ Whitepaper ที่ออกมาด้วย
บริษัท Startup เกิดขึ้นมากมาย
ปัจจุบันบริษัท Startup เกิดขึ้นมากมายเหมือนดอกเห็ด แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่จะอยู่รอด เพราะว่าพวกเขาไม่อาจที่จะระดมทุนหรือ Raise Fund ได้มากพอ
แต่ถ้า Cryptocurrency ถูกกฏหมายแล้ว ก็จะทำให้มีบริษัทด้าน Blockchain เกิดขึ้นมากมายและสามารถที่จะระดมทุน ICO ได้ ซึ่งจะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้าน Blockchain มามายในประเทศ และเป็นการพัฒนาประเทศไปในตัวด้วย
ลดการโกง
ปัจจุบันการระดมทุน ICO ที่เราเห็นกันอย่างมากมาย ใคร ๆ ก็สามารถที่จะเปิดได้ แน่นอนว่าเมื่อกฏหมายยังไม่รองรับก็จะทำให้เกิดการโกงได้อย่างมากมาย โดยการโฆษณาเกินจริงและหลอกลวงต่าง ๆ นา ๆ
แต่ถ้า Cryptocurrency เป็นสิ่งถูกกฏหมายแล้วระบบ KYC (Know-Your-Customer) จะมีบทบาทในการระดมทุน ICO แน่นอนและจะเป็นตัวช่วยลดอัตราการโกงให้น้อยลง แต่ใช่ว่าจะลดได้ 100%
ประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยนั้นก็ถือว่าใกล้จะสำเร็จในการที่ Cryptocurrency จะเป็นสิ่งที่ถูกกฏหมายในประเทศไทย โดยวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการสมาคมไทยบล็อกเชนได้เข้าพบ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง โดยการเข้าไปพบนั้น จุดมุ่งหมายก็คือการนำเสนอทางออกในเรื่องภาษีไม่ว่าจะภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้ และประเด็นอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยน Face to Face KYC เป็น E-KYC นั่นเอง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น