<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การ Hard fork ของ Bitcoin Cash ที่จะถึงจะมีอะไรใหม่ ๆ บ้าง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การอัพเกรดซอฟต์แวร์ของ Bitcoin Cash ตัวตัวไปอาจจะดูมีความทะเยอทะยานมากกว่าในครั้งแรกสุด

อันที่จริงแล้ว ตัวอัพเดตดังกล่าวที่เคยถูกประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และถูกวางแผนที่จะ hard fork ในวันที่ 15 เดือนพฤษภาคมนี้ดูเหมือนว่าจะโฟกัสไปที่ฟีเจอร์ด้านการขยายเครือข่ายเพื่อช่วยให้การทำธุรกรรมนั้นเยอะกว่า Bitcoin ตัวต้นฉบับ ซึ่งจุดที่เด่นที่สุดดูเหมือนจะเป็นการขยายขนาด block เก็บธุรกรรมจากขนาด 8 MB ไปเป็น 32 MB

แนวคิดนี้อาจดูสุดโต่ง หากนำมันมาเทียบกับวิธีการแก้ไขปัญหาด้านการขยายเครือข่ายของ Bitcoin ที่ค่อนข้างระมัดระวังมากกว่า ซึ่งผู้ที่อยู่ในวงการคริปโตมาสักพักหนึ่งจะทราบดีว่าแนวคิดของ Bitcoin Cash ไม่ได้รับการสนับสนุนที่มากนัก

เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา นักพัฒนา Bitcoin Cash เลือกที่จะไม่ทำตามความเห็นของนักพัฒนาอีกกลุ่มหนึ่งในแง่ของการเพิ่มขนาด Block เนื่องจากว่ามันอาจจะส่งผลเสียต่อระบบของเหรียญทั้งหมดได้

นาย Joshua Yabut นักพัฒนาหลักของตัว protocol ของ Bitcoin Cash นามว่า BitcoinABC กล่าวว่าเขาไม่ได้คาดหวังที่จะให้มีการประท้วงกันเกิดขึ้นในกลุ่ม community แม้แต่น้อย เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะทำการอัพเกรดตามหรือไม่

“ในเรื่องการเพิ่มขนาด Block นั้นดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่ถกเถียงกันในตอนนี้ แต่มันก็ถือเป็นเรื่องดีที่เราจะได้เห็นการ scaling บน blockchain เกิดขึ้น”

อีกหนึ่งจุดที่ทางนักพัฒนาเล็งที่จะทำการอัพเกรดในการ hard fork คือการเพิ่มตัว “OP_RETURN field” ที่ผู้ใช้งานจะมีเนื้อที่เก็บข้อมูลบน blockchain ที่มากขึ้น จาก 80 เป็น 220 byte

หากฟังดูแล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวดูเป็นเรื่องง่าย ทว่านักพัฒนา Bitcoin Cash กล่าวว่ามันอาจจะส่งผลเสียในภายหลังได้ เนื่องจากว่าตัวฟังค์ชัน OP_RETURN นั้นมักจะถูกใช้โดย service ที่ต้องมีการทำ time-stamping, asset creation, rights management และตัวอื่น ๆ อีกมากมายที่จะสามารถขยายความสามารถของ Blockchain ได้

การกลับมาของ Smart contracts

Bitcoin Cash ไม่เพียงแต่จะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังได้มีการเพิ่มส่วนเสริมที่นาย Satoshi Nakamoto หรือผู้สร้าง Bitcoin เคยเอาออกไปจากเหรียญในตอนช่วงแรก ๆ อีกด้วย

ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็ตือก็คือตัว programing statement แบบชนิดใหม่ที่เหมือนกับ smart contract ที่จะเพิ่มฟังค์ชันที่สามารถทำให้ผู้ใช้งาน Bitcoin Cash สามารถส่ง token หากันได้เอง

ตัวเสมือน smart contract ที่ว่านี้เคยถูกนาย Satoshi Nakamoto ปิดทิ้งไป หลังจากที่เขาทราบว่ามันจะสามารถสร้างช่องโหว่ให้นักแฮคโจมตีได้ ทว่านักพัฒนา Bitcoin Cash เชื่อว่าพวกเขามีเวลามากพอที่จะปิดรูรั่วเหล่านี้ได้

ความมั่นใจนั้นเองทำให้หนึ่งในกลุ่มนักพัฒนาหลัก Bitcoin นาม Johnson Lau ได้เสนอให้เพิ่ม smart contracts กลับเข้ามาเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“เจ็ดปีผ่านไป และตัว opcode นั้นก็ถูกศึกษาจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินใจในการปิดมันทิ้งไปมีขึ้นด้วยความรีบเร่ง” กล่าวโดยนาย Shadders ในบล็อกของเขา “ตอนนี้กลุ่มนักพัฒนา Bitcoin Cash มีทุกอย่างครบเพื่อที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างละเอียดแล้ว”

กระนั้น เนื่องด้วยการที่ยังมีช่องโหว่ใน smart contracts อยู่ จึงทำให้ทางนักพัฒนาสามารถเผยให้เห็นได้แค่บางตัวในขณะนี้

นาย Yabut กล่าวว่า

“มันถือเป็นก้าวแรกในการเปิดใช้งาน smart contracts กับ protocol ที่จะช่วยให้เราสามารถสู้กับ Ethereum ได้ในภายหลัง”

อนาคตของ Bitcoin Cash

แต่ในขณะที่กลุ่มชุมชน Bitcoin Cash กำลังตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มีผู้ใช้งานบางคนกำลังแสดงความสงสัยในการ hard fork ของพวกเขา

ความกังวลส่วนใหญ่นั้นมีขึ้นเมื่อใน community ไม่ได้มีการเปิดให้มีการโหวตเกิดขึ้นก่อนที่จะทำการโค้ด ทำให้บางคนรู้สึกกังวลเกี่ยวกับโมเดลในการจัดการของ Bitcoin Cash ที่จะเป็นการมอบอำนาจในการจัดการทั้งหมดให้กับนักขุดและนักพัฒนาในการจัดการทั้งหมดหรือไม่

ผู้ใช้งานส่วนใหญ่กล่าวว่าพวกเขามักจะไม่ได้รับโอกาสในแสดงความเห็นในการเปลี่ยนแปลงระบบต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น